ตอนที่ 49 กฎจราจร กฎเพื่อความปลอดภัย 1
กฎจราจรนั้นเป็นกฎเพื่อความปลอดภัย ไม่แต่เฉพาะ ตัวท่านผู้ขับขี่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้โดยสาร และผู้สัญจรไปมา ตามท้องถนน เช่น คนเดินเท้าอีกด้วย และหากลองสืบสาว ถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติภัยบนท้องถนน จะพบว่าส่วนหนึ่ง มาจากการที'ผู้ขับขี่ไม่เคารพกฎจราจรทั้ง ๆ ที่กฎเกณฑ์ ดังกล่าวมุ่งคุ้มครองตัวท่านเอง เป็นต้นว่า การคาดเข็มขัด นิรภัย และการสวมหมวกกันน็อคทั้งตัวผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเดินทางใกล้ไกลแค่ไหน จะขับช้าขับเร็วหรือไม่ ไม่สำคัญ การคาดเข็มขัดนิรภัยหรือการสวมหมวกกันน็อคนั้น คงไม่ใช่เพราะเกรงจะถูกตำรวจจับหรือถูกปรับห้าร้อย แต่เพราะเมื่ออุบัติเหตุเกิดขึ้นจริง ๆเข็มขัดนิรภัยและหมวก กันน็อคที่จะทำให้ท่านรอดชีวิตได้ตอนที่ 50 กฎจราจร กฎเพื่อความปลอดภัย 2
จุด ๆหนึ่งที่มักจะเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้งนั่นก็คือ บริเวณทางร่วมทางแยกโดยเฉพาะในถนนหลวง ถนนต่างจังหวัดที่ขับกันเร็วๆ ดังนั่น เมื่อท่านขับขี่เข้าใกล้ถึง ทางแยก ต้องชะลอความเร็วเสมอและปฏิบัติตามสัญญาณไฟ โดยเคร่งครัด ถ้าบางจุดไม่มีสัญญาณจราจรไฟเขียวไฟแดง แต่มีไฟแดงกระพริบ ๆท่านต้องหยุดรถเสมอรอจนกว่าปลอดภัย แน่ไจว่าไม่มีรถสวนมา จึงจะขับขี่ต่อไปได้ นอกจากนั่น ระยะทาง 30 เมตร จากทางร่วมทางแยก ห้ามแซงโดยเด็ดขาด และ ที่สำคัญทางร่วมทางแยกที่ท่านจะกลับรถได้นั่นต้องเป็น ทางแยกที่มีเครื่องหมายอนุญาตให้กลับรถได้เท่านั่นถ้าไม่มี เครื่องหมายกลับรถแปลว่ากลับรถตรงจุดนั่นไม่ได้ตอนที่ 51 กฎจราจรกฎเพื่อความปลอดภัย 3
สาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุบน ท้องถนนก็คือ การที่ผู้ขับขี่ขับ รถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งอัตราปกติต้องไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เอาเข้า จริงๆ ก็มีการผ่อนผันกันเป็นไม่เกิน 11๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตามนั่นเป็นอัตราความเร็วปกติทั่วๆไป เพราะว่าในขณะที่ท่านขับขี่บนถนนท่านยังต้องคอยสังเกต เครื่องหมายจราจรที่ติดตั้งอยู่ข้างทางด้วยเพราะในแต่ละจุด อาจจะมีเครื่องหมายจำกัดความเร็วที่แตกต่างกันออกไป เช่น ถ้ามีเครื่องหมายระบุตัวเลข 40 ก็คือในบริเวณนั่นต้องขับ ไม่เกิน40กิโลเมตรต่อชั่วโมงและที่สำคัญอย่าลืมว่าถึงที่หมาย ปลายทางอย่างปลอดภัยคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเดินทางตอนที่ 52 การแซงแบบปลอดภัย
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนนนั้น ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นใน ขณะที่ผู้ขับฃี่พยายามจะเร่งเครื่องแซงรถคันอื่นดังนั้น ช่วงนี้มาลองฟังวิธีการแซงอย่างปลอดภัยดูบ้าง อย่างแรกกิคือ ผู้ขับขี่ควรให้เสียงสัญญาณที่ดังมากพอที่จะทำให้ รถคันหน้าทราบว่า จะขอแซงแล้วนะ และถ้าเป็นกลางคืนก็ควร เปิดไฟสูงไฟตํ่าสสับกัน จากนั้น กิเปิดไฟกระพริบทางขวา เพื่อ ให้รถคันหลังรู้ว่าเรากำลังจะแซงต่อมาก็มองไปข้างหน้าดูซิว่า มีรถสวนมาหรือไม่ ถ้าไม่มีและผู้ขับขี่คันหน้าให้สัญญาณมา ว่าไปได้แล้วก็ค่อยแซงขึ้นไปและที่สำคัญอย่าลืมมอง กระจกหลังว่าไม่มีรถคันหลังพยายามจะแซงเราอยู่ถ้าทำได้ เช่นนี้ก็น่าจะปลอดภัยขึ้นอีกในระดับหนึ่งตอนที่ 53 ห้ามแซงโดยเด็ดขาด
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนนนั้น ส่วนหนึ่งเกิดขึ้น ในขณะที่ผู้ขับขี่พยายามจะเร่งเครื่องแซงรถคันอื่น เช่น ชนประสานงากับรถที่มีสวนมาหรือไม่อย่างนั้นก็ต้องหักหลบ ไปชนรถคันอื่นตกลงข้างทางซึ่งหากท่านต้องการจะลดความ เสี่ยงเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เช่นนั้นท่านจะต้องไม่แซง ในสถานการณ์ดังต่อไปนี้- 1. เมื่อกำลังขับรถขึ้นทางชันขึ้นละพาน หรือเข้าใกล้ทางโค้ง
- 2.ถ้าเข้าใกล้บริเวณทางข้าม ทางร่วม ทางแยก วงเวียน ทางเดิน หรือทางรถไฟในระยะ 30 เมตร
- 3.ถ้าบนถนนมีหมอก ฝน ฝุ่น ควัน ทำให้มองไม่เห็นทาง ข้างหน้า หรือมองเห็นไม่ชัดในระยะ 60 เมตร
- 4. เมื่อเข้าที่คับขันหรือเขตปลอดภัย หากไม่แซงในที่เหล่านี้ ก็น่าจะลดความเสี่ยงอุบัติเหตุบนท้องถนนลงได้
ที่มา หนังสือ กฎหมายสามัญประจำบ้าน
โดย กระทรวงยุติธรรม มีนาคม 2552
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น