ตอนที่ 11 นำส่งทรัพย์สินหายอาจได้รางวัล 1
คนดีที่มีความซื่อสัตย์สุจริตนั้น เมื่อพบเห็นสิ่งของมีค่า ตกหล่นก็จะพยายามขวนขวายหาทางนำสิ่งของไปส่งมอบคืน ให้แก่,เจ้าของที่แท้จริง จะไม่เบียดบังยักยอกเอาเป็นของ ตนเอง และกฎหมายก็ตอบแทนการกระทำความดีนั้น โดย ให้สิทธิแก่พลเมืองดีคนนั้นที่จะเรียกร้องเอาเงินรางวัลจาก เจ้าของทรัพย์สินตัวจริง มากถึงร้อยละ า0 หรือ 10 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่าสิ่งของที่เก็บได้ในส่วนที่ไม่เกิน30,000บาทตัวอย่าง เซ่น สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท มูลค่า 18,000 บาท คนที่เก็บสร้อยคอนั้นได้และนำไปคืนให้แก่เจ้าของก็มีสิทธิได้รับ รางวัลมากถึง 1,800 บาท ซึ่งเป็นสิทธิขั้นต่ำที่กฎหมายให้ไว้ แต่ส่วนได้จริงเท่าไหร่ก็ขึ้นนอยู่กับน้ำใจของเจ้าของทรัพย์สินชิ้นนั้นตอนที่ 12 นำส่งทรัพย์สินหายอาจได้รางวัล 2
ความเป็นพลเมืองดีที่เมื่อเก็บทรัพย์สินหายได้ ก็นำไป คืนให้แก่เจ้าของหรือไปแจ้งตำรวจและตำรวจก็สามารถนำสืบ จนพบเจ้าของที่แท้จริงแล้วคืนทรัพย์สินชิ้นนั้นไปกฎหมายก็ได้ ตอบแทนพลเมืองดีให้มีสิทธิได้รับรางวัลจากเจ้าของทรัพย์ คนนั้น เงินรางวัลนั้นก็อยู่ที่ 10 เปอร์เซนต์ฃองราคาสิ่งของ ในส่วนที่ไม่เกิน 30,000 บาท แต่ในส่วนที่สูงกว่าสามหมื่น ก็จะได้รางวัลในอัตรา 5 เปอร์เซนต์ เช่น นำแหวนเพชรมูลค่า 50,000 บาท ไปคืนให้แก่เจ้าของ พลเมืองดีคนนั้นก็มีสิทธิได้ รับรางวัลเท่ากับสิบเปอร์เซนต์ของสามหมื่น คือ 3,000 บวกกับ ห้าเปอร์เซนต์ของสองหมื่นที่เหลือคือ 1,000 บาท รวมเป็น รางวัลทั้งสิ้นก็ 4,000 บาทตอนที่ 13 พ้น 1 ปีได้เป็นเจ้าของ
พลเมืองดีที่พบเห็นทรัพย์สินมีค่าตกหล่นบนท้องถนน นำไปส่งมอบและแจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น หากต่อมา เจ้าของทรัพย์มารับสิ่งของกลับไป เขาก็มีสิทธิที่จะ'ได้รับ รางวัลเป็นสัดส่วนตามมูลค่าของทรัพย์ชิ้นนั้นจากเจ้าของ ทรัพย์ อย่างไรก็ตามถ้าเวลาล่วงเลยไปถึงหนึ่งปีแล้ว แต่ก็ยัง ไม่มีใครมาแสดงความเป็นเจ้าของเรียกร้องเอาทรัพย์นั้นคืน จากเจ้าหน้าที่ กฎหมายก็ตอบแทนคุณงามความดีโดยยก สิ่งของมีค่านั้นไห้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของพลเมืองดีที่เก็บ1ได้โดย ไม่สนว่าจะมีมูลค่ามากน้อยแค่ไหนเว้นเสียแต่ว่าของที ตกหล่นนั้นเป็นโบราณวัตถุก็ให้ถือเป็นสมบัติของแผ่นดิน โดยผู้เก็บได้จะได้รางวัลในมูลค่าร้อยละสิบของราคาโบราณวัตถุชิ้นนั้นตอนที่ 14 ไม่ซื่อ ชวดรางวัลและอาจติดคุก
เมื่อพบเห็นทรัพย์สินมีค่าตกหล่นบนท้องถนนคนที่ เก็บทรัพย์สินชิ้นนั้นได้ก็มีหน้าที่นำทรัพย์ไปคืนให้แก่เจ้าของ หรือถ้าไม่ทราบก็ให้ไปแจ้งความและล่งมอบสิ่งของมีค่า อันนั้นไว้กับตำรวจเพื่อจะได้ติดตามหาตัวเจ้าของที่แท้จริง มารับกลับคืนไป และในฐานะพลเมืองดีก็ย่อมมีสิทธิได้รับ บำเหน็จรางวัลบ้างตามสมควร อย่างไรก็ตามถ้าหากว่าเวลานั้น เกิดความโลภ คิดไม,ซื่อ อยากได้ทรัพย์สินมีค่านั้นเป็น ของตนเองนอกจากจะผิดศีล 5 ผิดหลักธรรมคำสอนของ ศาสนาต่างๆ แล้วยังชวดเงินรางวัลอีกด้วย และดีไม่ดีอาจ ต้องมีความผิดอาญาในข้อหาลักทรัพย์เสี่ยงต่อคุกตะราง
ที่มา หนังสือ กฎหมายสามัญประจำบ้าน
โดย กระทรวงยุติธรรม มีนาคม 2552
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น