วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ตอนที่ 136-139 หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

ตอนที่ 136 หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 1

ข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หลายฉบับเกี่ยวกับการ แจ้งความดำเนินคดีโดยบุคคลสองกลุ่ม ซึ่งต่างก็มีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อสถาบัน พระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพ สักการะของประชาชน คนไทยทุกคน ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหากันว่าอีกฝ่ายหนึ่งหมิ่น พระบรมเดชานุภาพซึ่งพอมาตรวจค้นประมวลกฎหมาย อาญา กฎหมายหลักฉบับหนึ่งของไทย กลับไม่พบคำ ๆ นี้และ พอสืบค้นลึกลงไปก็พบว่าคำว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นั้น เป็นคำที่มักจะใช้อ้างถึงมาตรา 98 แห่งกฎหมายลักษณะ อาญา ร.ศ.117 อันเป็นกฎหมาย เดิม ซึ่งปัจจุบันคือประมวล กฎหมายอาญามาตรา 112 โดยเนื้อความต่างๆ จะเป็น เช่น ใดนั้นติดตามได้ในตอนหน้า

ตอนที่ 137 หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 2

คำว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น ไม่ใช่คำที่ใช้ ในตัวบทกฎหมายหากแต่เป็นคำที่คนทั่วไปและแม้แต่ นักกฎหมายรู้จักคุ้นเคยและใช้เรียกแทนความผิดตามประมวล กฎหมาย อาญา มาตรา 112 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาด ร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3ปีถึง 15ปี และนี่ก็เป็นมาตรการ สำคัญในการปกป้องเทิดทูนสถาบัน  และองค์พระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เคารพยิ่งของพสกนิกรชาวไทย ด้วยความที่รัฐธรรมนูญ บัญญัติไว้ว่าองค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะ อันเป็นที่เคารพ สักการะผู้ไดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหา หรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้

ตอนที่ 138 หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 3

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับต่างก็รับรองสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ของพระมหากษัตริย์  ดังเช่นในมาตรา8 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันบัญญัติว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพ สักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้อง พระมหากษัตริย์ในทางใด ๆมิได้ และเช่นเดียวกันหากมี ผู้ใดใส่ ความ หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาต มาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี  รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ ผู้นั้นก็มีความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 112 อย่างไรก็ตามในปัจจุบันประชาชนทั่วไป หรือแม้นักฎหมายเองกลับเข้าใจมาตรานี้คลาดเคลื่อนไป ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้นติดตามได้ในตอนหน้า

ตอนที่ 139 หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 4

ปัจจุบันมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับความผิด ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการ แทนพระองค์ หรือที่เรียกกันว่าความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ด้วยเหตุนี่เมื่อมีนักการเมืองนำพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปตีพิมพ์แจกจ่าย ประชาชนจะด้วยเหตุผลกลใดก็สุดแท้แต่ก็มีการหยิบยก ข้อหานี้ขึ้นมากล่าวหากันเป็นเรื่องขึ้นโรงพัก จริง ๆแล้วผู้ที่จะมีความผิดฐานนี้ต้องกระทำการถึงขั้นหมิ่นประมาทดูหมิ่นหรืออาฆาตมาดร้าย ดังนั้นการกระทำบางอย่างแม้อาจจะ ไม่เหมาะสมหรือมิบังควรแต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะ เป็นความผิดอาญาเสมอไป

ที่มา หนังสือ กฎหมายสามัญประจำบ้าน
โดย กระทรวงยุติธรรม มีนาคม 2552 


กลับหน้า เมนู กฎหมายสามัญประจำบ้าน

ตอนที่ 134-135 ไฟไหม้

ตอนที่ 134 ไฟไหม้ 1

ย่างเข้าเดือนเมษาหน้าร้อนต้องระวังฟืนไฟเป็น พิเศษ บางครั้งแม้เราไม่ตั้งใจ แต่ ความที่ไม่ใส่ใจ ไม่ระมัดระวัง ป้องกันภัย หากเกิดเพลิงไหม้ และต้นเพลิงมาจากบ้านของ เรา ลุกลามไปบ้านคนอื่นนั้นไม่เพียงแค่จะต้องรับผิดทางแพ่ง ชดใช้ค่าเสียหายเท่านั้น  แต่ยังต้องพัวพันกับคดีอาญาด้วย เพราะกฎหมายกำหนดให้ผู้ที่ประมาทเลินเล่อทำให้เกิด  ไฟไหม้ลุกลามไปทำความเสียหายแก่ทรัพย์สินข้าวของ ของคนอื่นหรือทำให้คนอื่นต้อง เสี่ยงต่ออันตรายมีความผิด อาญา และโทษทัณฑ์นั้นหนักหนาถึงขั้นจำคุก สูงสุดคือ 7 ปี  หรือหากมีการปรับก็มากถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท ดังนั้นเพิ่ม ความระมัดระวังอีกนิดไม่ ต้องรับผิดและไม่ต้องเสียใจกันใน ภายหลัง

ตอนที่ 135 ไฟไหม้ 2

เวลาที่ขับรถไปตามต่างจังหวัดในช่วงหน้าร้อนก่อน ย่างเข้าหน้าฝนมักจะเจอควันไฟที่ ชาวบ้านเผานาไถกลบ เตรียมที่ดินให้พร้อมรับกับการทำนาในหน้าฝนก็ขอให้ระมัด  ระวังการขับขี่เป็นพิเศษเดี๋ยวจะมีอุบัติเหตุ ส่วนชาวบ้าน ทั้งหลายขอความกรุณาอย่าเผา นาเลยแม้นาจะเป็นของ ท่านที่ท่านสามารถทำอะไรกับมันก็ได้ แต่ก็ขอให้ระมัดระวัง  อย่างยิ่ง เพราะว่าถ้าการเผานาเกิดควันไฟลามมาจนถึงถนน ปิดบังเส้นทางสัญจรทำให้ผู้ คนเดือดร้อนเสี่ยงต่ออันตราย ท่านก็อาจมีความผิดตามกฎหมายได้และโทษทัณฑ์ก็ถึงขั้น ติดคุกยิ่งถ้าทรัพย์สินของคนอื่นเสียหายหรือมีใครได้รับ อันตรายจะมาปฏิเสธความผิดไม่ได้แน่ ๆ


ที่มา หนังสือ กฎหมายสามัญประจำบ้าน
โดย กระทรวงยุติธรรม มีนาคม 2552 


กลับหน้า เมนู กฎหมายสามัญประจำบ้าน

ตอนที่ 132-133 ภูมิลำเนาถิ่นที่อยู่ กับการหายสาปสูญ

ตอนที่ 132 ภูมิลำเนาถิ่นที่อยู่

ไอ้หมึก: หนูอ้อ มาอยู่ที่นี่นานๆ ไม่คิดถึงบ้านเหรอ
น้องอ้อ: จะคิดถึงทำไมล่ะคะเพราะอ้อคิดเสมอว่าที่นี่ เหมือนเป็นบ้านของอ้อ นี่ก็กะว่าถ้าแต่งงานกับ พี่ไข่นุ้ยแล้วก็จะย้ายภูมิลำเนามาอยู่ซะที่นี่เลย

แม่เมี้ยน: โอ้ย! งั้นฤกษ์ย้ายภูมิลำเนาของเธอน่ะคงต้อง รอนานหน่อยนะเพราะคนบ้านนี้ยังไม่มิฤกษ์ แต่งงาน
น้องอ้อ: งั้นไม่ย้ายเข้าก็ได้มาอยู่เฉยๆ แล้วกันนะคะ

แม่เมี้ยน : ไม่ได้ บ้านเราเป็นบ้านนักกฎหมายจะมาอยู่ ต้องให้มันมีผลทางกฎหมายด้วย เพราะภูมิลำเนา น่ะ หมายถึงที่อยู่ตามกฎหมายของเราไงจ๊ะ
ไข่นุ้ย : ใช่จ้ะ และถ้าน้องอ้ออยากจะย้ายภูมิลำเนามา อยู่บ้านเรา ก็ต้องแจ้งย้ายเข้ามาในทะเบียนบ้าน ของเราด้วย


แม่เมี้ยน :เออนี่ลูกนุ้ยแล้วแม่พวกเร่ร่อนลอยชายไป ลอยชายมาล่ะลูกกฎหมายเค้าจัดการเรื่อง ภูมิลำเนากันยังไง
ไข่นุ้ย: เอ่อ คือถ้าเป็นพวกไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหลังไหนเลยกฎหมายก็ กำหนดไว้ว่าถ้าพบตัวอยู่ที่ไหนก็ให้ถิ่นนั้นเป็น ภูมิลำเนาไปเลยอย่าว่าแต่คนเร่ร่อนเลยครับ แม้แต่นักโทษก็ยังมีกฎหมายเรื่องภูมิลำเนาด้วย อย่างถ้าถูกพิพากษาถึงที่สุดว่าอยู่เรือนจำไหน ก็ให้ถือว่าเรือนจำนั้นเป็นภูมิลำเนาไปเลย จนกว่าจะพ้นโทษ


ตอนที่ 133 การสาบสูญ

ไอ้หมึก :ดูรายการนี้สิเค้ามีภาพเหตุการณ์ตอนพฤษภาทมิฬด้วย มียายคนนึงฺ จนป่านนี้ยังตามหาหลานไม่เจอเลย

ไข่นุ้ย : โอ้ย ป่านนี้ก็คงกลายเป็นบุคคลสาบสูญกันหมดแล้วล่ะ
ไอ้หมึก : บุคคลสาบสูญ อ้าว ป่านนี้ไมใช่ตายไปแล้วเหรอพี่ ถ้าตายก็ต้องเห็นคพสิ แต่กรณีนี้น่ะเค้าเรียกว่าสาบสูญ คือการที่คฺนคนนึงหายไปจากภูมิลำเนาและไม่มีใครรู้ แน่ว่าคนนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ตลอดระยะเวลา 5 ปี เมื่อผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องขอศาลก็ สามารถสั่งให้คนนั้นเป็นบุคคลลาบสูญได้

ไข่นุ้ย : โห ต้องรอถึง 5 ปี เลยหรือพี่ นานจัง
ไอ้หมึก : จริงๆ มันก็มีข้อแม้อีกนะ คือถ้าคนนั้นหายไปในการรบ หรือสงคราม หรือหายไปตั้งแต่วันที่ยานพาหนะที่คนนั้น ใช้เดินทางเกิดอับปาง ถูกทำลายหรือสูญหายไป และสุดท้ายคือหายไปตั้งแต่วันที่มีเหตุการณ์ที่เป็นอันตราย แก่ชีวิตอย่างเช่น เหตุการณ์พฤษภาทมิฬเนี้ยก็เข้าข่าย ถ้าเป็นสามเรื่องนี้กฎหมายจะลดระยะเวลาลงเหลือแค่ 2 ปี ซึ่งเมื่อครบ 2 ปีที่หายไปแล้วญาติก็สามารถร้องขอให้เป็นบุคคลสาบสูญได้

ไข่นุ้ย :แล้วคนที่ศาลสั่งให้สาบสูญล่ะจะเป็นยังไง
ไอ้หมึก : บุคคลที่ศาลได้มีคำสั่งให้เป็นคนสาบสูญก็ให้ถือว่าคนนั้นตายไปแล้ว
ไข่นุ้ย : โอ๊ยทำใมมันเศร้าแบบนี้นะ


ที่มา หนังสือ กฎหมายสามัญประจำบ้าน
โดย กระทรวงยุติธรรม มีนาคม 2552 


กลับหน้า เมนู กฎหมายสามัญประจำบ้าน

ตอนที่ 129-131 เบี้ยวค่าเช่า,การชำระเงินกู้ และทวงหนี้ก่อนกำหนด

ตอนที่ 129 การเบี้ยวค่าเช่า

ไอ้หมึก: ลุงกำนัน ลุงผลไม่ยอมจ่ายค่าเช่าอีกแล้ว ผัดผ่อนมาตั้งสองครั้งแล้วนะ ทำไงดีล่ะลุง เล่นงานเลยเปล่า
 กำนัน : อีกแล้วไอ้หมึก อย่าริเอานิสัยมาเฟียมาใช้นะโว้ย

แม่เมี้ยน : ตาผลเบี้ยวค่าเช่าอีกแล้ว สงสัยเอาตังค์ไปกินเหล้าหมด ไปไอ้หมึก เตรียมพล งานนี้ข้าลุยเอง

กำนัน : แม่เมี้ยน ไม่ได้นะ ใจเย็นลิ ถึงไอ้ผลมันยังไม่จ่ายก็ค่อยๆ คุยกัน แต่ถ้าคิดว่าคุยกันไม่รู้เรื่องก็ด้องพึ่งกฎหมาย จะมา ใช้กฎหมู่แบบนี้ไม่ได้แม่เมี้ยนน่ะเป็นถึงเมียกำนันนะ จะทำอะไรก็ให้มันทรงภูมิบ้าง
 แม่เบี้ยน : ถ้าจะใช้กฎหมายต้องทำไงบ้างหล่ะ


กำนัน : อย่างแรกน่ะก็ไปตกลงกันดีๆ ก่อน แต่ถ้าคุยกันแล้วไม่ได้ เรื่องได้ราว จนแม่เมี้ยนไม่อยากให้ไอ้ผลเช่าบ้านเราอีก ก็ต้องบอกเลิกสัญญามันก่อน กฎหมายกำหนดไว้ว่า ต้องให้โอกาสผู้เช่าก่อน โดยทำหนังลือทวงค่าเช่าที่ค้าง อยู่ และกำหนดเวลาให้นำเงินมาจ่าย ที่สำคัญนะ เราต้อง ให้เวลาเขาไม่น้อยกว่า 15 วันด้วย แต่ถ้าตาผลยังไม่ยอม จ่ายอีกเราก็ค่อยบอกเลิกสัญญาเช่า
แม่เมี้ยน : อ๋อเหรอ งั้นจะมัวยืนทำอะไรอยู่ล่ะรีบไปทำหนังสือมาด่วนเลยสิ

กำนัน : จ้ะ แม่เมี้ยน

ตอนที่ 130 การชำร:เงินกู้

น้องอ้อ : เออ ว่าแต่พี่ไข่นุ้ยเตรียมเงินใช้หนี๋ให้คุณแม่อ้อหรือยังค่ะ
ไข่นุ้ย : เตรียมไว้แล้ว แต่การไปใช้เงินกู้คืนน่ะ ไมใช่เตรียมแค่เงิน ไปแค่นั้นนะ ต้องเตรียมกฎหมายไปใช้ด้วย เพราะเวลาใช้ คืนเงินกู้ต้องทำหลักฐานการใช้คืนเป็นหนังสือไว้ด้วย และ ที่ห้ามลืมเด็ดขาดคือต้องให้ผู้ให้กู้ลงลายมือชื่อไว้ใน หลักฐานนั้นด้วยว่าไต้รับเงินคืนแล้ว

น้องอ้อ : อ๋อ ก็เหมือนกับใบเสร็จรับเงินใช่ม้า
ไข่นุ้ย: ใช่ นอกจากขอใบเสร็จแล้วนะ ต้องเวนคืนสัญญาเงินกู้ด้วย

แม่อ้อย : ใอ้ย อะไรอีกล่ะ เวนคงเวนคืนทำยังกับที่ดินหลวง
ไข่นุ้ย : เวนคืน คือการขอสัญญากู้ที่ผู้ให้กู้ยีดถือไว้ หรือไม่ก็ ให้บันทึกไว้ในสัญญากู้ว่าได้มืการใช้คืนแล้ว ตามกฎหมายเค้าเรียกว่า การแทงเพิกถอนการชดใช้เงินคืน ลงในเอกสารสัญญากู้น่ะครับ

แม่อ้อย : แหม รอบคอบจริงๆ ลูกเขยชั้น



ตอนที่ 131 ทวงหนี้ก่อนกำหนด

ไอ้หมึก : พี่ไข่นุ้ยไปเป็นเพื่อนหมึกหน่อย
ไข่นุ้ย : จะไปทวงเงินใครเหรอ

ไอ้หมึก : ตาผุย น่ะพี่ ยืมเงินลุงไปห้าหมื่นเอาไปลงทุนทำบ่อปลา อะไรนี่แหละ
ไข่นุ้ย : ห้าหมื่นเลยเหรอ แล้วมันครบกำหนดเวลาจ่ายเงินตาม สัญญาหรือยัง

ไอ้หมึก : หึ ยังฮะ ในสัญญาเขียนว่าจะจ่ายคืนในวันอาทิตย์หน้า แต่ วันนั้นหมึกมีนัดเดทกับน้องยุ้ย เลยว่าจะไปเก็บเงินก่อน
ไข่นุ้ย : ไม่ได้ มันผิดกฎหมายนะ

ไอ้หมึก : ผิดอะไร ก็เค้าเป็นลูกหนี้เรานะ
ไข่นุ้ย : จะลูกหนี้หรือเจ้าหนี้ กฎหมายก็คุ้มครองเท่ากันหมดแหละ เพราะเราได้มีการกำหนดเวลาจ่ายหนี้เอาไว้แล้วในสัญญา จะไปทวงเงินเค้าก่อนกำหนดไม่ได้

ไอ้หมึก : แล้วสมมตินะสมมติ เกิดลูกหนี้เค้าถูกหวยก็เลยมีเงินจ่าย เราก่อนกำหนดล่ะ ผิดกฎหมายหรือเปล่า
ไข่นุ้ย : อย่างนี้ไม่ผิด ลูกหนี้สามารถจ่ายเงินเจ้าหนี้ก่อนกำหนดได้

ไอ้หมึก : ว้า! ถ้างั้นก็ต้องไปในวันอาทิตย์หน้าเลยชิ แล้วเรื่องเดทกับน้องยุ้ยล่ะ
ไข่นุ้ย : นัดแล้วก็ไปเถอะ เดี๋ยวพี่ไปเก็บเงินตาผุยให้พ่อเองก็ได้

ที่มา หนังสือ กฎหมายสามัญประจำบ้าน
โดย กระทรวงยุติธรรม มีนาคม 2552 


กลับหน้า เมนู กฎหมายสามัญประจำบ้าน

ตอนที่ 128 การทะเลาะกันในที่สาธารณะ

ตอนที่ 128 การท:เลาะกันในที่สาธารณะ

ณ ตลาดสด

กำนัน : เสียงแม่สองคนน่ะมันลั่นเข้าหูเลยรบกวนสมาธิที่ข้าจะ เลือกรายการอาหาร หยุดโวยวายกันเสียที

แม่ค้า 1 : ไม่หยุด ใครจะทำไม
 แม่ค้า 2 : ปากข้าก็ไม่น้อยหน้าเอ็งหรอกโว๊ย

กำนัน : ไค้ ถ้าเตือนกันดีๆ ไม่เชื่องั้นก็ต้องจับไปโรงพักแล้ว
 แม่ค้า 1 : จับทำไม แค่ด่ากันผิดด้วยเหรอ ยังไม่ไค้ตบตีกันซะหน่อย

กำนัน : ถึงไม่ได้ลงไม้ลงมือกันก็ผิด แถมผิดกฎหมายอาญาเสียด้วย นี่เลย มาตรา 372 การทะเลาะกันอย่างอื้ออึงในที่ สาธารณะต้องโดนโทษปรับไม่เกิน 500 บาท

 แม่ค้า 1 : ตั้ง 500 กำไรจากการขายของ 5 วัน ยังรวมกันได้ไม่ถึง เลย
กำนัน : นั่นสิ แล้วจะมาเสียเงินเพราะเรื่องนี้ทำไม ไปเลยแยกย้าย กันไปขายของเลย ไม่งั้นข้าจะจับจริงนะ

ที่มา หนังสือ กฎหมายสามัญประจำบ้าน
โดย กระทรวงยุติธรรม มีนาคม 2552 


กลับหน้า เมนู กฎหมายสามัญประจำบ้าน

วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ตอนที่ 123 และ127 การเช่าไม่มีกำหนดเวลา และสิทธิอยู่อาศัย

ตอนที่ 123 การเช่าไม่มีกำหนดเวลา

ท่านเคยได้ยินได้ฟังปัญหานี้มั๊ย ตกลงเช่าบ้านกัน 1 ปี ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2550 ถึง 30 พฤษภาคม 2551 กำหนด จ่ายค่าเช่าทุกเดือนและด้วยความที่เราเป็นผู้เช่าที่ดี จ่ายค่าเช่าสม่ำเสมอพอครบ 1 ปี ผู้ให้เช่าเขาก็ไม่เห็นว่าอะไร เราก็ไปจ่ายค่าเช่าเรื่อยมา กรณี เช่นนี้กฎหมายถือว่าสัญญา เช่านั้นถูกต่อออกไปโดยอัตโนมัติกลายเป็นสัญญาเช่าที่ไม่มี กำหนดเวลาหากเจ้าของบ้านผู้ให้เช่าเค้าต้องการจะให้เราออก
ไม่สามารถให้เราออกไปได้ในทันที แต่เค้าจะต้องแจ้งให้เราทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ช่วงเวลาชำระค่าเช่าแต่ไม่จำเป็น ต้องเกิน 2 เดือน เช่น ถ้ากำหนดจ่ายค่าเช่าทุกเดือน บอกเลิกในวันที่ 10 ของเดือนนี้ อย่างเร็วที่สุดที่จะต้องย้าย ออก คือวันที่ 10 ของเดือนถัดไป


ตอนที่ 127 สิทธิอาศัย


กำนัน : มาแล้วจ้า มาแล้วยังดีกว่ามาช้า มาช้ายังดีกว่าไม่มานะจ๊ะ
แม่เมี้ยน : มาช้าจังเลยพี่กำนัน และนี่กองเอกสารอะไรเกะกะรกเชียว

กำนัน : ก็นั่นแหละต้นเหตุที่ทำให้มารับแม่เมี้ยนช้า ฉันมัวแต่แวะหา ตัวอย่างสัญญาให้สิทธิอาศัย ลุงมีเค้ามาขอไว้หลายวันแล้ว ไหน ๆ ต้องผ่านมาทางนี้ก็เลยถือโอกาสแวะเข้าไปเอาที่อำเภอน่ะ
แม่เมี้ยน : ว่าแต่สัญญาเนี่ยมันต้องเสียค่าเช่ามั๊ย

กำนัน : อ้าวแม่เมี้ยน ถ้าเสียค่าเช่าก็เรียกว่าสัญญาเช่าสิ ไอ้การให้สิทธิอาศัยน่ะ ผู้อาศัยไม่ต้องเสียค่าเช่าแก่ผู้ให้อาศัยหรอก
แม่เมี่ยน : แล้วกฎหมายเค้าให้อยู่กันกี่ปีหล่ะ

กำนัน : สิทธิอาศัยอาจมีกำหนดเวลาหรือไม่ก็ได้ หรือจะกำหนดว่า ให้มีสิทธิอาศัยตลอดอายุผู้อาศัยก็ได้ แต่ถ้าจะกำหนดต้อง ไม่เกิน 30 ปี และถ้ากำหนดไว้เกินกว่านั่นก็ใช้บังคับได้เพียง 30 ปีเมื่อครบกำหนดแล้วจะต่ออายุอีกก็ได้ แต่ต้องไม่เกิน 30 ปี นับแต่วันต่ออายุสัญญา
แม่เมี้ยน: โห อยู่ฟรี แถมอยู่ไต้หลายปีอีกต่างหาก แล้วถ้าเกิดผู้อาศัย ตายไปหล่ะ ทำไง
กำนัน : ก็ถือว่าสิ้นสุดสัญญาเพราะสิทธิอาศัยนี้โอนให้กันไม่ได้ แล้วก็ไม่เป็นมรดกที่จะโอนให้ทายาทได้ด้วย

ที่มา หนังสือ กฎหมายสามัญประจำบ้าน
โดย กระทรวงยุติธรรม มีนาคม 2552 


กลับหน้า เมนู กฎหมายสามัญประจำบ้าน

ตอนที่ 124-126 ผู้ให้เช่าตาย และ สังหาริมทรัพย์เปลี่ยนมือ

ตอนที่ 124 ผู้ใหัเช่าตาย

ท่านเคยสงสัยมั๊ยว่า ถ้าเราไปเช่าทรัพย์สินของคนอื่น แล้วต่อมาผู้ให้เช่าเกิดตายลง ธรรมดาทรัพย์สินชิ้นนั้นก็ย่อม เปลี่ยนมือไปเป็นของทายาทเราที่เป็นผู้เช่าจะทำอย่างไร เจ้าของทรัพย์ผู้ให้เช่าตายไป ทรัพย์นั้นไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ดิน หรือสังหาริมทรัพย์ เช่น  ทีวี ตู้เย็น ก็ย่อมตกทอดสู่ทายาท และทายาทของเค้าก็ต้องรับพันธะผูกพันตามสัญญาเช่า  ต่อไปจนครบอายุสัญญา เช่น ท่านไปเช่าบ้านจากแดงจนถึง ธันวาคมปี 2551 แต่เมื่อต้น เดือนนี้เอง แดงมีอุบัติเหตุเสียชีวิต เอกลูกของแดงที่ได้รับมรดกบ้านหลังนี้มาก็ต้องยอมให้ท่าน อยู่ต่อไปจนครบอายุสัญญาจนถึง เดือนธันวา 51

ตอนที่  125 สังหาริมทรัพย์ที่เช่าต้องเปลี่ยนมือ

โบราณท่านว่าสมบัติผลัดกันชม ทรัพย์สินข้าวของ ต่าง ๆก็อาจมีการเปลี่ยนมือเปลี่ยนเจ้าของกันได้ถ้าเป็น สิ่งของทั่วไปไม่มีพันธะอะไรก็คงไม่มีปัญหาแต่ถ้าเกิดว่า ของสิ่งนั้น เจ้าของเดิมให้คนอื่นเช่าก่อนจะขายเปลี่ยนมือไป อย่างนี้ก็เป็นปัญหาน่าปวดหัวสำหรับ ตัวผู้เช่า สมมุติว่าถ้า ท่านไปเช่ารถยนต์ซักคันต่อมาเจ้าของขายรถให้คนอื่นไป ทั่ง ๆ ที่ สัญญาเช่ารถยนต์ยังไม่สิ้นสุดลงกรณีเช่นนี้เป็นการ เช่ารถยนต์ซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์ เมื่อมีการถ่ายโอนเปลี่ยน ความเป็นเจ้าของเจ้าของคนใหม่เค้าไม่ต้องผูกพันตาม สัญญา เช่าและเค้าก็สามารถเรียกเอารถคืนจากเราได้แต่ เราผู้เช่าซึ่งเสียประโยชน์ก็สามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก เจ้าของรถคันเดิมซึ่งเป็นผู้ให้เช่าได้

ตอนที่ 126  อสังหาริมทรัพย์ที่เช่าต้องเปลี่ยนมือ

ข้าวของทรัพย์สินต่าง ๆก็อาจมีการยักย้ายถ่ายโอน เปลี่ยนมือเปลี่ยนเจ้าของกันได้ดั่งคำ โบราณที่ว่าสมบัติผลัด กันชม ซึ่งถ้าเป็นสิ่งของทั่วไปไม่มีพันธะอะไรก็คงไม่มีบัญหา แต่ ถ้าเกิดว่าของสิ่งนั้นเจ้าของเดิมให้คนอื่นเช่าก่อนจะขาย เปลี่ยนมือไปอย่างนี้น่าปวดหัว ตัวอย่างเช่น ถ้าท่านไป เช่าบ้านเป็นเวลา 3 ปี ทำหลักฐานสัญญาเช่าโดยถูกต้องi  ผ่านไปได้ปีเดียวผู้ให้เช่าเค้ามีความจำเป็นต้องขายบ้าน ใช้หนี้ อย่างนี้เราผู้เช่าจะทำอย่างไร กรณีเช่นนี้ถือเป็นการเช่า อสังหาริมทรัพย์ การเช่าที่ถูกต้องก็ย่อมมีผลผูกพันผู้ชื้อบ้าน หลังนั้นไปจนกว่าจะครบอายุสัญญาเช่า ดังนั้น ท่านสบายใจ ได้เลย ท่านยังคงมีสิทธิอยู่
ในบ้านหลังนั้นต่อไปอีก 2 ปีตามที่ เขียนไว้ในสัญญา

ที่มา หนังสือ กฎหมายสามัญประจำบ้าน
โดย กระทรวงยุติธรรม มีนาคม 2552 


กลับหน้า เมนู กฎหมายสามัญประจำบ้าน

ตอนที่ 119-122 การเช่าช่วง และ เซ้ง

ตอนที่ 119 เช่าช่วง 1

บางท่านอาจจะเคยมีประสบการณ์ไปเช่าตึก เช่าบ้าน แต่อาคารหลังนั้นใหญ่โตเกินไป  ใช่ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ เช่น บางทีเช่าอาคารพาณิชย์ทั้งหลังแต่ใช้เฉพาะพื้นที่ข้างล่าง เพื่อทำมาค้าขาย ด้านบนก็เลยกั้นเป็นห้องเล็ก ๆ ให้คนอื่นมา เช่าอาศัยอยู่ นอกจากเรา จะเป็นผู้เช่าอาคารจากเจ้าของแล้ว เราก็ยังเป็นผู้ให้เช่าห้องเล็กๆกับผู้เช่าคนอื่นๆอีกด้วย ลักษณะอาการอย่างนี้ทางกฎหมายเรียกกันว่าการเช่าช่วง ซึ่งปกติแล้วไม่สามารถทำได้ ถ้าหากฝ่าฝืนไปให้คนอื่นเช่าช่วง ก็จะถือว่าเราผู้เช่าอาคารเป็นฝ่ายผิดสัญญา เจ้าของ อาคาร ผู้ให้เช่าก็สามารถเลิกสัญญาได้เลย ทั้งนี้เว้นเสียแต่ว่า ในสัญญาเช่าอนุญาตให้ เราเอาไปให้เช่าช่วงต่อได้เราจึงจะ สามารถเอาไปให้เช่าช่วงได้โดยไม่ผิดสัญญา

ตอนที่ 120 เช่าช่วง 2

เมื่อเราไปเช่าทรัพย์สินสิ่งใดมา ถ้าเป็นการเช่าบ้าน เช่าอาคารพาณิชย์ หรือเช่าที่ดิน บางครั้งเราอาจจะใช้สอย ใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มที่ควร จะมีการตกลงกันไว้ให้ชัดใน สัญญาเช่าเลยว่าผู้ให้เช่ายินยอมให้มีการเช่าช่วงได้ อย่างนี้  เราผู้เช่าก็สามารถเอาทรัพย์สินนั้นไปหาประโยชน์ต่อได้ ทั้งนี้ การยินยอมหรืออนุญาต ให้เช่าช่วงนั้นจะระบุอนุญาตไว้ ตั้งแต่ทำสัญญาเช่าฉบับแรกเลยก็ได้หรือจะมาตกลงให้ การ ยินยอมกันภายหลังก็ได้แต่ข้อสำคัญคือว่าให้ทำคำยินยอม ไว้เป็นลายลักษณ์อักษร  นอกจากนั้นอย่าลืมว่าจะเช่าช่วง เช่าตรง ก็เป็นสัญญาเช่าประเภทหนึ่ง ดังนั้นการเช่าช่วง  บ้าน ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ถ้ายาวนานกว่าสามปีก็ให้ไปจดทะเบียนด้วย

ตอนที่ 121 เซ้ง

เดิมคำว่า เซ้ง เป็นภาษาจีน แต่ความที่คนไทยใช้กัน ติดปากก็เลยกลายเป็นคำไทยที่เข้าใจกันทั่วไปไม่ต้องแปล โดยปกติ การเซ้งมักจะเกิดขึ้นกับแผงลอย พื้นที่ค้าขาย และ อาคารพาณิชย์ เช่น ไปเช่าแผงลอยขายของที่มาบุญครอง ค้าขายดีมีกำไรมีเงินพอที่จะ หาที่ทางค้าขายเป็นการถาวร ก็เลยโอนสิทธิการใช้ประโยชน์ในแผงลอยขายของอันนั้น ให้แก่คนอื่นไปโดยเก็บสตางค์บ้างบางส่วน นี่ล่ะการเซ้ง หรือที่ภาษากฎหมายเรียกว่า การโอนสิทธิการเช่า เมื่อมีการ เซ้งก็ถือเสมือนหนึ่งว่าผู้รับโอนสิทธิการเช่าหรือคนเซ้ง เข้าไปแทนที่ของเราในสัญญาเช่ามีสถานะเป็นผู้เช่าแทนเราไป โดยปริยายมีหน้าที่ชำระค่าเช่าให้แก่เจ้าของทรัพย์สินผู้ให้เช่า โดยตรง

ตอนที่ 122 เซ้ง 2

การเซ้ง หรือการโอนสิทธิการเช่านั้น มีผลทำให้คนเซ้ง เข้าไปแทนที่ผู้เช่าในสัญญาเช่าเดิมผู้เช่าคนเดิมมีหน้าที่ต้อง ทำอย่างไร ต้องจ่ายค่าเช่าเท่าไหร่ เราที่เป็นคนเซ้งต้องทำ ตามนั้นและเมื่อใดก็ตามที,ท่านจะไปเซ้งตึก เซ้งแผงลอย หรือเซ้งอะไรก็ตาม ก็ขอแนะ นำให้ตรวจสอบเรื่องต่าง ๆ ต่อไป นี้ก่อนอื่นดูสัญญาเช่าเดิมอนุญาตให้มีการเซ้งต่อหรือไม่ แต่แม้สัญญาจะไม่เปิดช่องไว้ก็อาจมีการขอความยินยอม จากผู้ให้เช่าในภายหลังได้ จากนั้นดูว่าสัญญาเช่าเดิมมี กำหนดเวลาเช่าเหลืออีกกี่ปี คุ้มค่าที่เราจะเซ้งต่อหรือเปล่า เมื่อตกลงกันได้แล้วก็อย่าลืมทำเป็นหนังสือและแจ้งให้เจ้าของตึกผู้ให้เช่าทราบด้วย



ที่มา หนังสือ กฎหมายสามัญประจำบ้าน
โดย กระทรวงยุติธรรม มีนาคม 2552 


กลับหน้า เมนู กฎหมายสามัญประจำบ้าน

ตอนที่ 106-118 การเช่า

ตอนที่ 106 การเช่าบ้าน

ยุคนี้ลมัยนี้ที่ดินมีราคาค่างวดสูงมากถ้าไม่มีบ้าน พ่อแม่ให้อาศัยหรือบางคนมาจากต่าง  จังหวัดก็จำเป็นต้อง เช่าบ้านคนอื่นไปพลางก่อนรอจนกว่าจะเก็บหอมรอมริบไต้ เงินพอ ไปจองไปผ่อนบ้านดังนั้นช่วงนี้มาทำความรู้จักกับ สัญญาเช่ากันแน่นอนว่าถ้าเป็นการ เช่าจะเช่าไปร้อยปี ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ไม่ได้ความเป็นเจ้าของแต่เราในฐานะผู้เช่า  ก็มีสิทธิที่จะอยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากบ้านที่เช่าได้และ เมื่อเป็นสัญญาเช่าเราก็มีหน้าที่จะ ต้องจ่ายค่าเช่าตามที่ตกลง กันไว้ด้วย ซึ่งอาจจะตกลงจ่ายค่าเช่ากันเป็นรายวัน รายเดือน รายปีและที่สำศัญต้องมีกำหนดระยะเวลาการเช่าไว้ให้ แน่นอน เช่น 3 เดือน 1 ปี 5 ปี 2๐ ปี หรือแม้แต่ตลอด อายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าก็ได้


ตอนที่ 107 หลักฐานการเช่า

สัญญาเช่าเป็นสัญญาที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน ของเราบ่อยมากเด็ก ๆ อาจจะเช่าการ์ตูน เช่าวิดีโอ ผู้ใหญ่ก็เช่า รถยนต์เช่าบ้านซึ่งปกติแล้วการเช่าสิ่งของต่างๆที่เคลื่อนย้าย เคลื่อนที่ได้หรือที่กฎหมายเรียกว่าสังหาริมทรัพย์นั้นปกติ ไม่จำเป็นต้องทำหลักฐานเป็น หนังสือสัญญาเช่าก็ได้แต่เพื่อ ความปลอดภัยถ้าทรัพย์สินมีราคาค่างวดสูง ๆ ก็ขอแนะนำ ว่า ให้ทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือจะดีกว่าเผื่อว่าภายหลังไม่แน่ใจ ว่าเคยตกลงกันไว้อย่าง ไรจะได้มีหลักฐานไม่ต้องทะเลาะกัน ที่สำคัญถ้าเป็นการเช่าบ้าน เช่าที่ดิน เช่าตึกแถว  เช่าห้องพัก อะไรทำนองนี้ กฎหมายบังกับให้ทำหลักฐานของสัญญาเช่า เป็นหนังสือด้วย ไม่เช่นนั้นละก็จะไม่สามารถนำไปฟ้องร้อง ให้ศาลบังกับตามสัญญาได้

ตอนที่ 108 หลักฐานการเช่า 2

โดยทั่วไปสัญญาเช่าทรัพย์ต่างๆ จะเช่าวิดีโอ เช่ารถ เช่าเครื่องบินตกลงกันปากเปล่าก็ใช้ การได้ ไม่ต้องทำหนังสือ สัญญาให้เสียเวลาเวลา แต่ถ้าเป็นสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์  เช่น เช่าบ้าน เช่าที่ดิน เช่าตึกแถว เช่าคอนโด อย่างนี้จะ ต้องมีหลักฐานการเช่าเป็น หนังสือลงลายมือซื่อฝ่ายที่ต้อง รับผิดไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถฟ้องร้องบังคับในศาลได้  พูดง่ายๆ อย่างน้อยฉบับที่เราถือไว้นั้น จะต้องมีลายเช็นของ คู่สัญญาอีกฝ่าย เช่น ถ้าผู้ให้ เช่าจะไปฟ้องเรียกค่าเช่าก็จะ ต้องมีลายมือซื่อของผู้เช่าหรือถ้าผู้เช่าจะไปฟ้องผู้ให้เช่า ที่ ผิดสัญญามาไล่ที่ก่อนกำหนดอย่างนี้ลายมือซื่อของผู้ให้ เช่าก็จำเป็นจะต้องมีปรากฏในตัวสัญญาเช่า


ตอนที่ 109 จดทะเบียนการเช่า

ถ้าไปเช่าอสังหาริมทรัพย์จำพวกบ้าน ที่ดิน ตึกแถว ห้องชุดเพื่อความปลอดภัยให้ทำ สัญญาเช่าเป็นหนังสือและ ให้ฝ่ายผู้ให้เช่าเซ็นชื่อไว้ด้วยทุกครั้งแต่ที่พูดมานี่ก็จะใช้ได้  แต่เฉพาะการเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่มีระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี เท่านั้นถ้าเป็นสัญญาเช่า อสังหาริมทรัพย์เกิน 3 ปี เพียงทำ สัญญาเช่าแค่นั้นยังไม่พอแต่ต้องนำสัญญาเช่าไปจดทะเบียน กับพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย ปกติก็ไปที่สำนักงานที่ดินในเขตที่ ที่ดิน บ้าน หรือ คอนโดนั้นตั้งอยู่ เพราะถ้าไม่ไปจดทะเบียน เช่น เช่าบ้านนานสิบปีสัญญาเช่าก็เขียนไว้ชัดแต่ไม่ได้ไป จดทะเบียนเกิดฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเปลี่ยนใจขึ้นมาศาลท่านจะ รับรู้และบังคับ ตามสัญญาเช่านั้นให้เพียง 3 ปี 


ตอนที่ 110 บังคับให้จดทะเบียนเช่า

มีผู้ให้เช่าหัวหมอบางรายเอาความรู้กฎหมายไปใช้ ในทางที่ผิด ไปเอารัดเอาเปรียบผู้เช่า  อย่างนี้ศาลท่านก็จะ พิพากษาตัดสินให้เป็นธรรมที่สุดเช่นนายแดงให้นางสาวเขียว เช่าบ้านเป็นเวลานานถึง 10 ปี มีการทำสัญญาเช่า ทั้งสองฝ่ายต่างก็เซ็นซื่อไว้โดยถูกต้องแต่ไม่ได้ไปจดทะเบียน อย่างนี้ในทางกฎหมายถือว่า สัญญาเช่าบ้านฉบับนี้จะบังคับ กันจริง ได้เพียง 3 ปี เท่านั้น ต่อมานางสาวเขียวก็รู้ความข้อนี้ ขึ้นมาจึงขอร้องให้นายแดงไปจดทะเบียนการเช่าแต่แดงก็ปฏิเสธ ซึ่งศาลท่านก็ตัดสินว่าถ้ายังอยู่ในช่วงระยะเวลา 3 ปีแรก ของการเช่า คู่สัญญาไม่ว่าฝ่ายผู้ให้เช่าหรือผู้เช่าก็สามารถ ฟ้องร้องบังคับให้อีกฝ่ายหนึ่ง
ไปจดทะเบียนการเช่าได้งานนี้ เขียวก็เลยชนะคดีไป


ตอนที่ 111  หน้าที่ของผู้ให้เช่า 1

เมื่อมีการตกลงเช่าทรัพย์สินกันแล้วไม่ว่าจะเป็นทรัพย์ อะไรก็ตามฝ่ายคนที่ให้เช่าก็จะตองส่งมอบทรัพย์ชิ้นนั้นให้แก่ ผู้เช่า เช่น ถ้าเป็นการเช่าบ้าน เช่าที่อยู่อาศัย ก็ต้องทำบ้าน ให้ว่างให้พร้อมที,จะเข้าอยู่ได้ ต้องส่งมอบกุญแจบ้านให้ เรียบร้อย ไม่ใช่ว่าตกลงเช่ากัน แล้ว แต่คนอยู่เดิมไม่ยอมออก หรือจะต้องงัดแงะประตูเข้าไปเอง อย่างนี้ไม่ถูกต้อง นอกจาก นั้นก็จะต้องส่งมอบทรัพย์ที่เช่าตามที่ตกลงกันด้วย เช่น ถ้าตกลงเช่ารถตู้เพื่อพาครอบครัว 7-8 คนไปท่องเที่ยว พักผ่อน แต่พอถึงเวลามารับรถกลับกลายเป็นรถเก๋งซึ่ง มีที่นั่ง ไม่พออย่างนี้ไช้ไม่ได้ ถือว่าฝ่ายผู้ให้เช่าผิดสัญญาซึ่ง นอกจากผู้เช่าจะใช้สิทธิเลิกสัญญาได้แล้วก็ยังอาจเรียกค่า เสียหายได้อีกด้วย

ตอนที่ 112 หน้าที่ของผู้ให้เช่า 2

เมื่อมีการตกลงเช่าทรัพย์สินอันใดกันแล้วผู้ให้เช่า ก็จะต้องส่งมอบทรัพย์ตามที่ตกลงกันไว้จะไปส่งมอบอย่างอื่น ไม่ไต้ที่สำคัญแม้จะเป็นทรัพย์อย่างเดียวกันแต่ไร้คุณภาพ ผู้ใช้ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ตามความประสงค์ที่เจอกับตัวเอง ก็เช่น เช่าวีซีดไปดู แต่แผ่นไม่ดีไม่มีคุณภาพ ดูไปซักพักเครื่อง สะดุดภาพไม่ชัดเหมือนมีแผ่นดินไหวเสียอรรถรสในการชม หรือเช่ารถตู้ตั้งใจจะไปต่างจังหวัดแต่ยังไม่ทันออกจากกรุงเทพ รถก็มาเสียระหว่างทางเพราะไม่มีการซ่อมบำรุงที่ดี อย่างนี้ถือว่าผู้ให้เช่าผิดสัญญาแน่ ๆซึ่งผู้เช่าก็สามารถ เรียกร้องให้ซ่อมแซมทรัพย์นั้นให้อยู่ในสภาพใช้การได้ให้เปลี่ยนทรัพย์ชิ้นใหม่ที่ใช้แทนกันไต้หรือแม้แต่จะเลิกสัญญา และเรียกค่าเสียหายก็ได้

ตอนที่  113 เบื่อสิ่งของที่เช่าชำรุดเสียหาย 1

ทรัพย์สินสิ่งของต่างๆก็เป็น เช่น คนเราที่มีอายุการ ใช้งานพอใช้ไปได้ซักพักก็ต้องมี การบำรุงรักษาต้องมีการ ซ่อมแซมให้กลับมามีสภาพดีพร้อมใช้งานตามปกติเวลา ที่ท่านไปเช่าทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นสิ่งของใหญ่ๆ เช่นเช่าบ้าน เช่าห้องพัก หรือสิ่งอื่นๆ เช่น เช่าคอมพิวเตอร์ เช่ารถ หากทรัพย์สินสิ่งของที่เช่าเกิดชำรุดเสียหายก็จะต้องมีการ ซ่อมแซม คราวนี้ก็มีปัญหาตามมาว่าใครกันแน่ที,มีหน้าที่ ซ่อมแซมทรัพย์สิน จะเป็นหน้าที่ของฝ่ายผู้เช่าหรือเป็นหน้าที่ ของฝ่ายผู้ให้เช่าก็ขึ้นอยู่กับว่าความชำรุดเสียหายของ ทรัพย์สินสิ่งนั้นจำเป็นจะต้องมีการซ่อมแซมมากน้อยขนาดไหน เป็นการชำรุดตามอายุและเพราะการใช้งานตามปกติ หรือไม่ซึ่งครั้งต่อไปมีคำตอบ


ตอนที่ 114 เมื่อสิ่งของที่เช่าชำรุดเสียหาย 2

สมมุติว่าเราไปเช่าบ้านหลังหนึ่งแล้วก็อาศัยอยู่ใน บ้านหลังนั้นด้วยความร่มเย็นสงบสุขเสมอมาแต่วันดีคืนดีขื่อคานของบ้านก็เกิดพังลงมาหรือเกิดมีพายุพัดผ่านหอบหลังคา บ้านปลิวหายไปทั้งหลังอย่างนี้เราในฐานะผู้เช่าต้องทำ อย่างไร กฎหมายในเรื่องสัญญาเช่าทรัพย์ ได้กำหนดไว้อย่าง ชัดแจ้งแล้วว่า กรณีที่ทรัพย์สินเสียหายต้องมีการซ่อมแซม โดยหลักเป็นหน้าที่ของผู้ให้เช่ายิ่งถ้าเป็นการซ่อมแซมใหญ่ อย่างเช่น การทำคานใหม่ หรือติดกระเบื้องมุงหลังคาทั้งหลัง ดังตัวอย่างที่ว่ามานี้เป็นหน้าที่ของฝ่ายผู้ให้เช่าแน่ ๆ และเมื่อ มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นขอแนะนำให้บรรดาผู้เช่ารีบแจ้งให้ อีกฝ่ายหนึ่งทราบ
โดยเร็วที่สุด

ตอนที่ 115 เมื่อสิ่งของที่เช่าชำรุดเสียหาย 3

ทรัพย์สินสิ่งของต่าง ๆก็เป็น เช่นคนเราที่มีอายุการ ใช้งานพอใช้ไปได้ซักพักก็ต้องมี การบำรุงรักษาต้องมีการ ซ่อมแซมให้กลับมามีสภาพดีพร้อมใช้งานตามปกติ เวลาที่ท่าน ไปเช่าทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นการเช่าบ้าน เช่ารถ ท่านก็มี หน้าที่ใช้สอยทรัพย์นั้นด้วย ความระมัดระวัง ให้คิดซะว่า ของสิ่งนั้นเป็นของของเราและวิญญูชนคนปกติทั่วไปจะ ใช้ สอยอย่างไรก็ให้ทำอย่างนั้นต้องบำรุงรักษาตามควร เช่น ถ้าไปเช่ารถยนต์มาใช้ครึ่งปี ระหว่างนี้ก็เป็นหน้าที่ของผู้เช่า ที่ต้องเติมน้ำมัน ล้าง ดูแลรักษาสีรถ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เมื่อถึงกำหนดเพราะถือว่าเป็นบำรุงรักษาปกติและหากรถเสีย เล็กๆ น้อยๆ เช่น หัวเทียนบอดต้องเปลี่ยนหัวเทียน การซ่อมแซมเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นหน้าที่ของผู้เช่า

 ตอนที่  116 ค่าเช่า

เช่า เป็นสัญญาที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน อย่างเช่น ในการเช่าบ้าน ฝ่ายผู้เช่าก็มีบ้านอาศัยเป็นที่พักพิงหลับนอน ส่วนผู้ให้เช่าก็ได้ค่าเช่าเป็นการตอบแทน ซึ่งปกติค่าเช่านั้น  ก็มักจะเป็นเงินตราจะเป็นเงินสกุลไทย สกุลฝรั่งมังค่าที่ไหน ก็ไม่ว่ากันหรือบางครั้งก็อาจจะมีการตกลงเอาทรัพย์สิน อย่างอื่นมาเป็นค่าเช่า เช่น ชำระค่าเช่าเป็นข้าวเปลือก อย่างนี้ก็สามารถทำได้ไม่มีกฎหมายตรงไหนห้ามไว้ ค่าเช่า จัดว่าเป็นสิ่งสำคัญของสัญญา เช่าถ้าเป็นการให้อีกฝ่ายใช้ ประโยชน์โดยไม่มีค่าเช่า เช่น มีญาติย้ายมาจากต่างจังหวัด เพื่อเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ จึงขออาศัยในบ้านของเรา แม้ว่านาน ๆทีจะมีน้ำใจช่วยเหลือออกค่านํ้าค่าไฟบ้าง แต่อย่างนี้ก็ไม่ใช่สัญญาเช่าเป็นเพียงการให้อาศัยเท่านั้น


ตอนที่ 117 การชำระค่าเช่า

ในสัญญาเช่า ผู้เช่ามีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าให้ถูกต้อง ครบถ้วนตรงตามกำหนดเวลาที่ได้พูดจากันไว้ จะตกลงชำระ ค่าเช่าเมื่อใดก็ได้เช่น เช่าบ้านเป็นเวลา 1 ปี จะจ่ายค่าเช่า งวดเดียวครั้งเดียวจบ หรือจะแบ่งจ่ายเป็นรายเดือน ซึ่งปกติ ก็ต้องจ่ายทุกสิ้นเดือน แต่ถ้ากำหนดวันเวลากันไว้ เช่น ให้จ่ายค่าเช่าล่วงหน้าทุกวันที่ 10 ของเดือน จะจ่ายตั้งแต่วันที่ 1 ก็ไต้ ขอแค่ให้ก่อนวันที่ 10 ของเดือนนั้นๆ เป็นพอ และ หากผู้เช่าคนไหนเกิดขัดสน เงินทองไม่มีสตางค์ไปชำระค่าเช่า ฝ่ายผู้ให้เช่าเค้าก็อาจบอกเลิกสัญญาเช่าไต้ แต่อย่างว่าใน สังคมไทยถ้าลองเข้าไปพูดจาขอร้องผัดผ่อนกันดี ๆ คงไม่มี ผู้ให้เช่าคนไหนใจไม้ไส้ระกำหรอก

ตอนที่ 118 ถ้าไม่จ่ายค่าเช่าเลิกสัญญาได้

หากผู้เช่าไม่ยอมจ่ายค่าเช่า เรื่องอะไรที่ผู้ให้เช่าเขาจะ ยอมให้ใช้ทรัพย์สินของเค้าฟรี ๆ และกฎหมายก็ให้สิทธิแก่เขา ที่จะบอกเลิกสัญญาเช่าได้ซึ่งถ้าเป็นการเช่าเป็นครั้งคราว เช่น เช่าที่ขายของในตลาดนัดที่เปิดเฉพาะบางวัน เช่าแผงลอย ในตลาดสดจ่ายค่าเช่า เป็นรายวัน อย่างนี้พอไม่ชำระค่าเช่า ผู้ให้ เช่าก็โบกมือลาบอกเลิกสัญญาไค้เลยโดยทันที แต่ถ้าเป็นการ เช่าที่ได้ตกลงจ่ายค่าเช่าเป็นรายเดือน รายไตรมาส หรือทุกๆ สามเดือนหรือรายปี อย่างนี้พอชำระค่าเช่าล่าช้าฝ่ายผู้ให้ เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียในทันทีไม่ได้ แต่จะค้างทวงให้ชำระ ค่าเช่าอีกครั้งโดยทอดเวลาให้ฝ่ายผู้เช่าเค้าไปหาสตางค์ ชัก 15 วัน
30 วัน แต่ถ้ายังไม่จ่ายก็บอกเลิกสัญญาได้ทันที


ที่มา หนังสือ กฎหมายสามัญประจำบ้าน
โดย กระทรวงยุติธรรม มีนาคม 2552 


กลับหน้า เมนู กฎหมายสามัญประจำบ้าน

ตอนที่ 103-105 การลุกล้ำที่ดินข้างเคียง

ตอนที่ 103 รุกล้ำที่ดินข้างเคียง

ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนในที่ดินซึ่งอยู่ในเขต หัวเมืองหรือในบริเวณที่มีความ เจริญและที่ดินมีราคาสูง ๆ นั้นปกติก่อนการก่อสร้างเจ้าของที่ดินต้องรังวัดสอบเขต ที่ดิน ให้แน่นอนเสียก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้มีการปลูกสร้าง รุกลํ้าเข้าไปในที่ดินของผู้อื่น แต่ หากเป็นการปลูกสร้างในที่ดิน ซึ่งตั้งอยู่ในชนบทมักไม่ค่อยมีการรังวัดสอบเขตที่ดินทำให้  เมื่อก่อสร้างบ้านเรือนแล้วเกิดปัญหารุกล้ำเข้าไปในที่ดินของ ผู้อื่นที่อยู่ข้างเคียง และ หากเกิดกรณีเช่นนี้กฎหมายก็กำหนด หลักเกณฑ์เพื่อสร้างความเป็นธรรมไว้แล้วโดย ยึดถือความ สุจริตของการปลูกสร้างนั้นเป็นสำคัญ


ตอนที่ 104 รุกล้ำที่ดินข้างเคียง 2

เมื่อเกิดปัญหามีการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนรุกล้ำ เข้าไปในที่ดินข้างเคียงซึ่งเป็นของ คนอื่นนั้นกฎหมายก็จะ พิจารณาความรับผิดโดยยึดถือความสุจริตของเจ้าของที่ดิน ผู้ ปลูกสร้างเป็นสำคัญซึ่งถ้าหากเป็นการปลูกสร้างรุกลํ้าเข้า ไปในที่ดินข้างเคียงโดยสุจริต คือไม่รู้จริง ๆว่ากำลังปลูก สร้างในที่ดินของคนอื่น เช่น อาจเป็นเพราะเจ้าหน้าที่รังวัด  คลาดเคลื่อนบุคคลที่ปลูกสร้าง'โดยสุจริตก็ไม่รื้อถอนออกไป แต่ต้องจ่ายเงินค่าใช้ที่ดิน ให้แก่เจ้าของที่ดินข้างเคียง จากนั้น ก็ให้ไปจดทะเบียนภาระจำยอมที่สำนักงานที่ดิน และ เมื่อ อาคารหลังนั้นพังทลายลงไปเจ้าของที่ดินก็เรียกให้เพิกถอน การจดทะเบียนภาระจำยอมได้

ตอนที่ 105 รุกล้ำที่ดินข้างเคียง 3

เมื่อเกิดปัญหามีการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนรุกลํ้า เข้าไปในที่ดินข้างเคียงของคนอื่น  กฎหมายจะให้ความคุ้มครอง โดยพิจารณาจากความสุจริตของเจ้าของที่ดินผู้ปลูกสร้าง ซึ่งถ้าหากเป็นการปลูกสร้างรุกลํ้าเข้าไปในที่ดินข้างเคียงโดย ไม่สุจริต เจ้าของที่ดินที่ถูกรุกลํ้าก็สามารถเรียกให้ผู้ปลูกสร้าง รุกลารื้อถอนเฉพาะส่วนทีรุกลํ้าออกไปได้ และยังต้องปรับ สภาพที่ดินให้กลับสู่สภาพเดิมด้วยโดยค่าใช้จ่ายต่างๆในการ รี้อถอนผู้รุกลํ้าจะต้องจ่ายเองทั้งสิ้นส่วนปัญหาว่าปลูกสร้าง รุกลํ้าโดยสุจริตหรือไม่นั้นตัดสินกันยากแต่ก็มีข้อสังเกตว่า ถ้าผู้ปลูกสร้างไม่ยอมรังวัดที่ดินสอบแนวเขตก่อนปลูกสร้าง พูดง่าย ๆ ก็คือ
ประมาทเลินเล่อ แล้วจะมาอ้างว่าตนเองสุจริต ก็คงลำบาก


ที่มา หนังสือ กฎหมายสามัญประจำบ้าน
โดย กระทรวงยุติธรรม มีนาคม 2552 


กลับหน้า เมนู กฎหมายสามัญประจำบ้าน

ตอนที่ 88-102 เผยแพร่สิ่งลามก และโทษการข่มขืนทั้งหญิงและชาย

ตอนที่ 88 เผยแพร่สื่อลามก

น่าเป็นห่วงเด็กเยาวชนไทยทุกวันนี้จริง เพราะโพล หลายสำนักล้วนยืนยันตรงกันว่า เด็กและเยาวชนไทยส่วนใหญ่ หมกมุ่นในเรื่องเพศด้วยความอยากรู้อยากลอง และด้วย ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตที่ทำ'ให้ เยาวชนไทยเข้าถึงลื่อลามกได้ ง่ายมากบางเว็บไซด์ก็กลาย เป็นที่หาเพื่อนเที่ยว คู่นอนกลายเป็นสื่อกลางในการขาย บริการทางเพศ งานนี้ก็ด้องขอแรงเจ้าหน้าที่ช่วยกันกวดขัน ที่สำคัญ ISP หรือผู้ให้บริการ เครือข่ายอินเตอร์เน็ตทั้งหลาย ต้องบล๊อกเว็บไซต์เหล่านี้ทั้งของไทยของต่างประเทศ และสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ลามกถือว่ามีความผิดอาญา อาจต้องโทษจำคุก ถึง 3 ปี และปรับ 6,000  บาทด้วย


ตอนที่ 89 ความผิดเกี่ยวกับเพศ

ข่าวอาชญากรรม ฟังแล้วทำให้สลดหดหู่ใจมากทีเดียว วันก่อนก็เด็กหญิงวัย 14 ปีถูกทำ ร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส และคนร้ายก็ยังพยายามข่มขืนอีกด้วย มาวันนี้ ก็คนใกล้ชิด คน ในครอบครัวกันเองนี่แหละข่มขืนหลานวัย8ขวบ ว่ากันว่า ถูกข่มขืนมากว่า 2 ปี ตั้งแต่ อายุเพียงแค่ 6 ขวบเท่านั้น เพื่อป้องปรามพวกวิปริตจิตอกุศลทั้งหลายและเตือนให้ทุกคน  โดยเฉพาะเด็กหญิงระแวดระวังภัยคุกคามทางเพศ ก็เลยจะ ใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์ จากนี้ นำกฎหมายเกี่ยวกับการ ล่วงละเมิดทางเพศมาเล่าสู่กันฟัง เริ่มต้นจากความผิดฐาน  ข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งมิใช่ภรรยาของตน ผู้กระทำความ ผิดมีโทษจำคุก 4-20 ปี
ปรับตั้งแต่ 8,000-40,000 บาท





ตอนที่ 90 ข่มขืน

ในประมวลกฎหมายอาญา ความผิดฐานข่มขืนกระทำ ชำเรานั้นกำหนดไว้ว่าคนที่ไปข่มขืนกระทำชำเราหญิง ซึ่งมิใช่ภรรยาของตน เช่น ขู่เข็ญให้ร่วมหลับนอนโดยการทำร้าย  ร่างกาย มัดมือมัดเท้าทำให้อยู่ในสภาวะจำยอม ไม่สามารถ ขัดขืนได้ หรือกลางคืนมืดๆ  ทำทีปลอมเป็นสามีเข้าไปร่วม หลับนอนด้วย จากนั้นก็ได้กระทำชำเรา คือมีการร่วม ประเวณี โดยที่ฝ่ายหญิงมิได้ยินยอมพร้อมใจเช่นนี้ ถือว่ามีความผิด ฐานข่มขืนกระทำ ชำเรา ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4ปีถึง 20ปี และปรับตั้งแต่ 8,000 บาทถึง 40,000 บาท  และที่สำคัญ ถ้าเป็นการข่มขืนโดยใช้อาวุธปืน ระเบิด หรือรุมโทรมหญิง พฤติกรรม อย่างนี้โทษจำคุกขั้นต่ำ 10 ปี หรือไม่อย่างนั้น ก็ต้องติดคุกตลอดชีวิต


ตอนที่ 91 โทรมหญิง

เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวแก๊งมอเตอร์ไซด์ซิ่ง ฉุดคร่าหญิง ไปข่มขืนพอเห็นหญิงสาวหน้า ตาดีขับขี่รถจักรยานยนต์ มาคนเดียวพวกคนดิบกลุ่มนี้ก็'จะขับรถเข้าไปประกบพอถึง ที่ เปลี่ยวก็ถีบให้รถล้มฉุดเข้าป่าละเมาะข้างทางแล้วก็ยัดเยียด ความเป็นสามีให้แก่หญิงสาว ผู้เคราะห์ร้าย แค่นั้นยังไม่พอ พวกมันยังตามเพื่อนมาร่วมก่อกรรมทำเวรกันอีกหลายคน  พฤติกรรมการข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำ นั้นเรียกว่าเป็นการรุมโทรม ซึ่งโทษทัณฑ์ก็จะหนักหนากว่าการข่มขืนที่ทำโดยคนเดียว  คือ จำคุก 15-20ปี ปรับสามหมื่นถึงสี่หมื่นบาท หรือถ้าพฤติกรรม ร้ายแรงมากๆ ก็ถึง ขั้นจำคุกตลอดชีวิต


ตอนที่ 92 หญิงก็ผิดฐานข่มขืนได้

จากข่าวน่าสลดใจสามีใหม่ของย่าได้บังคับหลานสาว วัยเพียงแค่ 8 ปีให้ร่วมประเวณี  โดยที่ย่าอาจจะมีส่วนรู้เห็น เป็นใจในการกระทำนี้ หลาย ๆ ท่านเคยรู้มาว่า ความผิดฐาน  ข่มขืนกระทำชำเรานั้น ปกติผู้กระทำความผิดต้องเป็นผู้ชาย และผู้เสียหายก็ต้องเป็น ผู้หญิงเท่านั้นมิเช่นนั้นแล้ว ก็จะไม่ผิด ในข้อหานี้แต่อาจเข้าข่ายความผิดข้อหาอื่น ๆ เช่น  อนาจารได้ ก็อาจจะเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า ย่าแท้ๆ ทีรู้เห็นเป็นใจ ช่วยเหลือให้ปู่เลี้ยง ข่มขืนหลานในไส้ตัวเองนั้นจะมีความผิด ฐานข่มขืนกระทำชำเราหรือไม่ ซึ่งเรื่อง ทำนองนี้เคยมีคดีขึ้น สู้ศาลฎีกาและศาลตัดสินว่าผู้หญิงที่ช่วยผู้ชายถอดเสื้อ จับแขนนจับ ขาหญิงคนอื่นทำให้ชายข่มขืนหญิงอื่นได้โดยสะดวกนั้นผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา

ตอนที่ 93 เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี

ไม่ค่อยแน่ใจว่าเหตุที่มีข่าวการล่วงละเมิด ทางเพศโดย บุคคลในครอบครัวเดียวกันโดย คนใกล้ชิด สนิทสนมกัน ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์บ่อยครั้งนั้น เป็นเพราะว่าสภาพจิตใจ  ของผู้คนในสังคมทุกวันนี้มันเสื่อมถอยลง หรือเป็นเรื่องที่มี มานานอยู่แล้ว เพียงแค่ไม่มี ใครพูดถึงเพียงแค่ไม่เป็นข่าว หรือ เพียงแค่ไม่มีเทคโนโลยีตีแผ่ความผิดปกติเหล่านี้ให้ สังคมได้ รับรู้เท่านั้น ยิ่งการมีเพศสัมพันธ์กับเด็กๆ ยิ่งนับวันก็ดูเหมือน ว่าจะรุนแรงขึ้น เรื่อยๆทั้งๆที่กฎหมายกห้ามการกระทำชำเรา เด็กอายุไม่เกิด 15 ปี ที่ไม่ใช่สามีหรือ ภรรยาของตน ไม่ว่า จะเป็นการข่มขืนบังคับใจหรือไม่ ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะยินยอม พร้อม ใจหรือไม่ก็ตาม ก็ถือว่าผู้นั้นกระทำความผิดทั้งสิ้น


ตอนที่ 94 เด็กอายุไม่เกิน 13 ปี

ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศ ต่อเด็ก ๆ นั้นจะรุนแรงหนักข้อขึ้น เรื่อยๆ ทั้งๆ ที่กฎหมายอาญา ก็กำหนดโทษไว้สูงมากคือจำคุกตั้งแต่สี่ ถึง ยี่สิบปี ปรับตั้งแต่  แปดพันบาทถึงสี่หมื่นบาท นั่นก็เป็นโทษที่ศาลอาจจะลงโทษ แก่ผู้กระทำความผิดฐาน กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15ปี
ที่ไม่ใช่ภรรยาหรือสามีของตนและไม่สนว่าเด็กคนนั้นจะ ยินยอมพร้อมใจมีอะไรด้วย หรือไม่ก็ตาม ถ้าไปร่วมหลับนอน กับเด็กอายุต่ำกว่า 1 5 ปีถือว่ามีความผิดทั้งหมด และ ยิ่งถ้าเด็ก อายุน้อยกว่านั้นเป็นเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ผู้กระทำความผิด ข้อหานี้ก็มีโอกาส ได้ย้ายเข้าไปอยู่ในคุกยาวตลอดชีวิต


ตอนที่ 95 ชายข่มขืนชาย

โลกเราทุกวันนี้มันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกินแต่เดิม เชื่อกันว่าผู้หญิงเท่านั้นที่เสี่ยงต่อ การประทุษร้ายทางเพศ แต่เดี๋ยวนี้ผู้ชายก็มีโอกาสต่อการเป็นเหยื่อได้มากพอๆกัน ดัง นั้นกฎหมายอาญาจึงได้มีการแก้ไขใหม่เพื่อรับมือกับ ความเสื่อมทรามนี้จากเดิมชายที่ บังดับข่มขืนใจล่วงเกิน ประตูหลังต่อชายด้วยกัน หรือที่เรียกกันเล่นๆ ว่า “ตุ๋ย” นั้น ไม่เป็นความผิดฐานข่มขืนกระชำเรา แต่ผิดฐานอนาจาร ซึ่งโทษทัณฑ์ตํ่ากว่ามากแต่นับจาก  20 กันยายน 2550 เป็นต้นไป ชายใดไปตุ๋ยชายอื่นโดยที่เขาไม่ยินยอมพร้อมใจด้วยจะมี  ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปีถึง 20 ปีและปรับตั้งแต่  8,000 บาทถึง 40,000 บาท

ตอนที่ 96 หญิงต่อหญิง

โลกเราทุกวันนี้มันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกินเดิมเชื่อ กันว่าผู้กระทำผิดทางเพศก็มีแต่ ผู้ชายเท่านั้น ใครจะรู้ว่า เดี๋ยวนี้ผู้หญิงก็เริ่มคุกคามทางเพศทั้งต่อเพศตรงข้ามและเพศ เดียวกันแล้วเหมือนกันดังที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่ไม่น้อย และกฎหมาย เดิมคงจะเอาผิด ฐานข่มขืนไม่ได้อย่างหนึ่งก็คือ เอาผิดในฐานอนาจาร ดังนั้นกฎหมายอาญาจึงได้มีการ แก้ไขใหม่ เพื่อจัดการกับความเสื่อมทรามนี้ และนับจากวันที 20 กันยายน 2550 เป็น ต้นไป หญิงผู้ใดที่ไปข่มขืนกระทำชำเรา ผู้หญิงด้วยกันเอง หรือผู้ชายโดยที่เขาไม่
ยินยอมพร้อมใจด้วย จะมีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 8,000 บาทถึง 40,000 บาท 


ตอนที่ 97 หญิงก็ผิดฐานข่มขืนได้

เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวน่าสลดใจสามีใหม่ของย่าได้ บังคับ หลานสาววัยเพียงแค่ 8 ปีให้ ร่วมประเวณี โดยที่ย่า อาจจะมีส่วนรูเห็นเป็นใจในการกระทำนี้หลาย ๆท่านเคย รู้มาว่า ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรานั้นปกติผู้กระทำความผิดต้อง เป็นผู้ชายและผู้เสียหายก็ ต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น มีเข่นนั้นแล้วก็จะไม่ผิดในข้อหานี้แต่อาจเข้าข่ายความผิด ข้อหา อื่น ๆเช่นอนาจารได้อย่างไรก็ตามได้มีการแก้ไข ประมวลกฎหมาย อาญาแล้วตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2550 ที่ผ่าน มาทำให้หญิงอาจผิดฐานข่มขืนผู้หญิงด้วยกันเองได้ และ เรื่องทำนองนี้เคยมีคดีขึ้นสู้ศาลฎีกาและศาลตัดสินว่าผู้หญิง ที่ช่วยผู้ชายถอดเสื้อจับแขน จับขาหญิงคนอื่นทำให้ชายข่มขืน หญิงอื่นได้ โดยสะดวกนั้นผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา


ตอนที่ 98 แอบย่อง

วันนี้มีอุธาหรณ์เกี่ยวกับความผิดฐานข่มขืนกระทำ ชำเรามาเล่าสู่กันฟัง สมพงษ์แอบปลื้มทับทิมภรรยาของดำรง มานานแล้วและก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะจัดการเสียให้ได้ กลาง ดึกคืนหนึ่งขณะที่สมพงษ์มานั่งทานเหล้าที่บ้านของ ดำรงเกิดไฟฟ้าดับประจวบเหมาะกับ ขณะนั่นดำรงเมามาย สลบไม่ได้สติสมพงษจึงแอบย่องเข้าไปห้องนอนของ ทับทิมพร้อม บอกว่าแฟนจ๋าพี่มาแล้วจ๊ะแสร้งทำตัวเป็นดำรง ฝ่ายทับทิมเข้าใจผิดคิดว่าเป็นดำรงจริง ๆ  จึงยอมมีอะไรด้วย แต่ผ่านไปไม่นานพอไฟฟ้ากลับมาสว่างเท่านั้นแหละครับ ทับทิมจึงรู้ ว่า คนที่ตนร่วมหลับนอนด้วยนั่นไม่ใช่สามี อย่างนี้ ถือว่าสมพงษ์กระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราได้

ตอนที่ 99 ข่มขืนส่วนอื่น

ในอดีตศาลฎีกาไทยเคยวางแนววินิจฉัยไว้ว่า การกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรานั้นต้องเป็นการ
ใช้อวัยวะเพศชายล่วงลํ้าเข้าไปในอวัยวะเพศหญิง ถ้าใช้ อวัยวะเพศชายสัมผัสภายนอกหรือสัมผัสอวัยวะส่วนอื่น ๆ ในร่างกายยังไม่เข้าข่ายความผิดฐานข่มขืนแต่ให้เอาผิด ในฐานอนาจารแทน อย่างไรก็ตามพฤติกรรมการล่วงละเมิด ทางเพศที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ รุนแรงและแปลกพิสดารกว่าสมัย ก่อนเป็นอันมาก เช่น การบังคับข่มขืนใจโดยให้สำเร็จความใคร่ ทางปากหรือ ทวารหนัก ดังนั้น ประมวลกฎหมายอาญา ที่  แก้ไขใหม่จึงกำหนดให้ครอบคลุมการกระทำชำเรา ต่ออวัยวะเพศปากหรือทวารหนัก และไม่ว่าผู้กระจะเป็นชาย หรือหญิง ก็ผิดฐานข่มขืนได้ทั้งนั้น


ตอนที่ 100 ใช้สิ่งของอื่นล่วงเกิน

การปรับปรุงประมวลกฎหมายอาญาครั้งล่าสุดนั้น ได้แก้ไขในความผิดเกี่ยวกับเพศ ฐานข่มขืนกระทำชำเราส่งผลให้ นับแต่วันที่ 20 กันยายน 2550 เป็นต้นไปไม่ว่าชายข่มขืนหญิง หญิงข่มขืนชาย ชายข่มขืนชาย หรือหญิงข่มขืนหญิง ก็เป็น ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราได้ทั้งสิ้น และไม่จำกัด ว่าต้อง เป็นการล่วงละเมิดโดยใช้อวัยวะเพศต่ออวัยวะเพศเท่านั้น เช่น นายแดงสนองความใคร่ของตน โดยการอมนกเขาของ นายเขียวหรือบังคับให้นายเขียวอมนกเขาของตนหรือ นายแดงใช้อวัยวะเพศเทียมสอดใส่ทวารหนักของนายเขียว พฤติกรรมอย่างนี้หากอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้ยินยอมพร้อมใจด้วย ย่อมถือเป็นความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราทั้งสิ้น

ตอนที่ 101 โทรมชาย

รุมโทรมนั้นเป็นคำที่ใช้ทางกฎหมายหมายถึงการข่มขืน กระทำชำเราโดยมีผู้ร่วมขบวนการสองคนขึ้นไปลงมือ ล่วงละเมิดทางเพศกับเหยื่อผู้เคราะห์รายซึ่งแต่เดิมมีแต่เฉพาะ การโทรมหญิงอย่างไรก็ตามเพื่อให้สามารถป้องปรามและ เอาผิดกับพฤติกรรมการล่วง ละเมิดทางเพศที่นับวันจะยิ่งทวี ความซับซ้อนรุนแรงและกว้างขวางมากขึ้นจึงได้มีการ ปรับปรุงกฎหมายเสียใหม่จากนี้ ชายข่มขืนหญิง หญิงข่มขืนชาย ชายข่มขืนชาย หรือแม้แต่หญิงข่มขืนหญิงก็ผิดฐานข่มขืน กระทำชำเราได้ทั้งสิ้นและด้วยเหตุนี้หากมีผู้ร่วม กระทำผิด ตั้งแต่สองคนร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ที่เป็นผู้ชายผู้กระทำไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็ผิดฐานข่มขืน แบบรุมโทรมชายได้ซึ่งโทษทัณฑ์จะรุนแรงมากขึ้น


ตอนที่ 102 อนาจาร

ความผิดอาญาเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศนั้น มีอยู่ข้อหาหนึ่งที่ใกล้เคียงกับความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราและความผิดฐานกระทำชำเราเด็กนั้นก็คือความผิดฐาน อนาจาร การอนาจารนั้นได้แก่
การกระทำให้อับอายขายหน้า ในทางเพศโดยกระทำต่อเนื้อตัวร่างกายโดยตรงเช่น การกอด จูบลูบคลำตามเนื้อตัวร่างกายเช่น จับหน้าอกสะโพกขาอ่อน หรือบางคน เป็นโรคจิตวิตถาร ชอบให้คนอื่นมาจับต้องของๆตน อย่างนี้ก็เป็นผิดอนาจารได้เหมือนกันข้อสำคัญก็คือ ต้องเป็นการขู่เข็ญโดยเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายมิได้สมัครใจยินยอม ซึ่งอาจเกิดจากการใช้กำลังการมอมเมาใช้ยาสลบหรือทำให้ เข้าใจผิดว่าเป็นคนอื่นจึงเผลอใจยินยอมเช่นนื้ก็ถือว่าผิด อนาจารได้

ที่มา หนังสือ กฎหมายสามัญประจำบ้าน
โดย กระทรวงยุติธรรม มีนาคม 2552 


กลับหน้า เมนู กฎหมายสามัญประจำบ้าน

ตอนที่ 76-87 ผู้ซื้อและผู้ขายบริการทางเพศ

ตอนที่ 76 ผู้ชอบบริการทางเพศ

ว่ากันว่า การค้าประเวณีเป็นอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีขึ้นเพื่อตอบสนองความต้อง การทางเพศอันเป็นสัญชาติญาณ ของมนุษย์ ซึ่งโดยธรรมชาติผู้ชายมักมีมากกว่าผู้หญิง  และนี่ เป็นสาเหตุว่าทำไมหญิงบริการจึงมีมากกว่าชาย ก็เป็นไปตาม ดีมานซับพลาย อุปสงค์อุปทาน ด้วยเหตุนี้ บางคนถึงขนาด เสนอว่า ถ้าต้องการขจัดการค้าประเวณีให้หมดไป ทำไม ไม่กำหนดให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายบริการทางเพศมีความผิดอาญา แต่ท่านผู้ฟังทราบหรือไม่ เอาเข้าจริงๆ แล้ว แม้ประเทศที่มี กฎหมายในลักษณะเช่นนี้นั้น ก็มีการหลบ ๆ ซ่อน ๆ แฝงการค้า ประเวณีในรูปแบบอื่น แต่สำหรับประเทศส่วนใหญ่ รวมทั้ง ประเทศไทยไม่ได้กำหนดว่าการซื้อบริการทางเพศเป็นความผิดอาญา

ตอนที่ 77 ผู้ซื้อมีความผิด

ได้กล่าวไปว่า ตามกฎหมายไทยนั้น ผู้ซื้อบริการทางเพศ ไม่มีความผิดอาญา แต่อย่างไรก็ตาม ขอเตือนบรรดา คนรักสนุกทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายไว้ตรงนี้ว่า การมี เพศสัมพันธ์หรือการกระทำใด ๆ เพื่อสำเร็จความใคร่ของ ตนเองหรือผู้อื่นที่กระทำต่อ บุคคลซึ่งมีอายุไม่เกิน 18 ปี ในสถานการค้าประเวณีนั้น มีความผิดตามกฎหมายทั้งสิ้น  โดยไม่ต้องคำนึงว่าบุคคลนั้นจะยินยอมด้วยหรือไม่ และยิ่งถ้าเป็นเด็กอายุไม่เกิน15ปี แล้วล่ะก็โทษยิ่งหนักขึ้นไปอีกเท่าหนึ่ง คือมีโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปีถึง 6 ปี และปรับตั้งแต่สี่หมื่นถึง หนึ่งแสนสองหมื่นบาท และก็ขอเตือนต่ออีกว่า โรคภัยไข้เจ็บ ที่มาทางเพศสัมพันธ์อย่างเช่นเอดส์นั้น ยังไม่มียารักษาให้หายขาด

ตอนที่ 78 พ่อเล้าแมงดา 1

ในขบวนการค้าประเวณีที่มีเงินสะพัดปี ๆ นึงหลายพัน หลายหมื่นล้านบาทนั้น ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ตกอยู่กับ บรรดาเจ้าของสถานบริการ พ่อเล้า แม่เล้า แมงดา ผู้หากินกับ น้ำกามบนคราบน้ำตาของหลาย ๆ คน แม้ว่ากฎหมายปัจจุบัน กำหนดโทษสำหรับบุคคลผู้เป็นเจ้าของกิจการการค้า ประเวณี ผู้ดูแล หรือผู้จัดการสถานการค้าประเวณี และ ผู้ควบคุมคนที่ค้าประเวณีให้มีโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท ซึ่งนับว่าเป็น โทษที่ค่อนข้างหนัก แต่อย่างไรก็ตาม กลับดูประหนึ่ง ว่าโทษ ดังกล่าวเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่ได้รับทำให้ ในความเป็นจริงมีสถานการค้าประเวณีกลาดเกลื่อนเมือง

ตอนที่ 79 พ่อเล้าแมงดา 2

แม้ว่ากฎหมายปรามการค้าประเวณีจะกำหนดโทษ สำหรับผู้ฝ่าฝืนที่เป็นเจ้าของซ่อง เป็นพ่อเล้า แม่เล้า หรือ แมงดาดูแลควบคุมกิจการสถานการค้าประเวณีไว้ค่อนข้างสูง และยิ่งถ้ามีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เป็นผู้ค้าประเวณีรวมอยู่ด้วย โทษยิ่งหนักขึ้นเป็นทวีคูณ เช่นถ้ามีเด็กชายเด็กหญิงอายุ 13-14 ปี ค้าประเวณีขั้นต่ำก็จำคุก 10 ปี และปรับอีกสองแสนบาท ขั้นสูงก็จำคุก 20 ปี และปรับถึงสี่แสนบาท แต่อย่างไรก็ตาม โทษที่สูงขนาดนั้นกลับมิได้ทำให้เจ้าของสถานการค้า ประเวณีเกรงกลัว ว่ากันว่า ถ้าถูกจับก็จ้างคนไปติดคุกแทน หรือไม่อย่างนั่นก็จ่ายส่วย มีใต้โต๊ะให้กับเจ้าหน้าที่จะได้ ไม่ต้องมีคดีความ เรื่องอย่างนี้จะจริงหรือไม่นั่น คงต้องฝาก เจ้าหน้าที่ภาครัฐให้ช่วยกันกวดขันไม่ให้มันเกิดขึ้น


ตอนที่ 80 บังคับให้ค้าประเวณี 1

แม้ว่าในระยะนี้จะไม่มีข่าวเจ้าหน้าที่บุกทลายซ่องนรก บังคับหญิงค้าประเวณีให้ได้ยินได้ฟังกันบ่อยครั้งดังเช่นเมื่อ ก่อนแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าขบวนการเหล่านี้จะหมดไป ยังในปัจจุบันภยันตรายเช่นนี้ได้คืบคลานเข้าหาเด็กทั้งชาย และหญิงด้วยแล้วก็ยิ่งต้องขอให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเข้มงวด กวดขันปราบปรามเอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ โดยกฎหมายปรามการค้าประเวณีกำหนดว่าผู้ที่หน่วงเหนี่ยว กักขังทำให้เสียเสรีภาพทำร้ายร่างกายหรือขู่เข็ญว่าจะ ทำร้ายเพื่อข่มขืนให้ผู้อื่นนั้นทำการค้าประเวณีต้องระวาง โทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่สองแสนถึง สี่่แสนบาทและนี่ก็เป็นโทษทัณฑ์สำหรับพ่อเล้าแมงดา ที่บังคับให้มีการค้าประเวณี


ตอนที่ 81 บังคับใหัค้าประเวณี 2

ข่าวการบุกทลายซ่องนรกในจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งมัก จะมีนักท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านแวะเวียนมาใช้บริการ ว่ากันว่าซ่องนี้หลอกเด็กหญิงสาวมาจากเหนือและอีสาน บังคับให้ค้ากาม ถ้าไม่ยอมก็จะใช้กำลังทุบตี ขังไว้ในห้อง ไม่ยอมให้ออกมาเห็นเดือน เห็นตะวัน ที่แย่กว่านั้นบางคน แม้ขณะตั้งครรภ์ยังบังคับให้ขายบริการจนกระทั่งแท้งลูก บางคนพยายามหลบหนีจึงถูกทุบตีเจียนตายและที่ตายไป แล้วก็คงมีพฤติกรรมของบรรดาพ่อเล้า แม่เล้า แมงดา หากินกับหยาดน้ำตาของผู้หญิงเช่นนี้โทษขั้นต่ำสุดก็คือ จำคุกตลอดชีวิต เพราะถือว่าทำให้ใต้รับอันตรายสาหัส และ ถ้าถึงขั้นมีคนตายด้วยละก็ผู้กระทำความผิดก็มีโทษถึงขั้น ประหารชีวิต 



ตอนที่ 82 คนในเครื่องแบบกับธุรกิจค้ากาม

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในการประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ต่าง ๆ ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นหวยบ่อนซ่องรีดไถเก็บค่าคุ้มครอง ค้ายาเสพติดเรื่อยไปจนถึงค้าขายมนุษย์นั้น มิได้มีคนใน เครื่องแบบหรือคนมีสีเข้าไปเกี่ยวข้องส่วนจะเกี่ยวข้องมาก น้อยระดับใดนั้นก็สุดแท้แต่ระดับศีลธรรมของแต่ละคน แต่สำหรับธุรกิจค้านํ้ากาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีการบังคับ ข่มขืนใจ หน่วงเหนี่ยวกักขัง ทุบตีเพื่อให้ยอมค้าประเวณีนั้น ถ้าผู้ กระทำความผิดหรือผู้สนับสนุนเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเป็น ตำรวจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย
ป้องกันและปราบปราม การค้าประเวณีเสียเอง ผู้นั้นก็มีโทษหนักกว่าปกติ คือจำคุก ตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่สามแสนถึงสี่แสนบาท


ตอนที่ 83 นายหน้าหาเด็ก 1

ในวงจรธุรกิจค้านํ้ากามนั้นมีบุคคลจำพวกหนึ่งที่จะ ไม่กล่าวถึงเลยคงไม่ไค้เพราะถ้าไม่มี คนกลุ่มนี้แล้วธุรกิจค้า นํ้ากามก็คงไม่เติบใหญ่แพร่กระจายขยายตัวไปทุกทั่วสารทิศ เช่นนี้ คนกลุ่มนี้คือ นายหน้า พ่อค้าคนกลาง หรือเอเย่นต์ ทำหน้าที่จัดส่งเด็กไปตามตู้ ไปตามซ่อง ไปตามผับตามบาร์ ร้านนํ้าชา คาราโอเกะ บ้างก็จัดส่งไปให้แล้วขายขาด บ้างก็ ส่งไปประจำที่นั้นแล้วก็คอยเรียกเก็บหัวคิว ซักเปอร์เซ็นต์จาก ค่าเหนื่อยที่เด็กเหล่านั้นได้ ผู้ที่มีพฤติกรรมเป็นธุระจัดหา ส่อไป หรือชักพาให้คนอื่นๆ ไปค้าประเวณี แม้ว่าคนๆนั้น จะเต็มใจยินยอมด้วยก็ตามก็ย่อมมีความผิดตามกฎหมาย มีโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปีและปรับตั้งแต่สองหมื่นบาท ถึงสองแสนบาท 


ตอนที่ 84 นายหน้าหาเด็ก 2

จากปากคำของหญิงสาวรายหนึ่งผ่านรายการโทรทัศน์ เมื่อไม่นานมานี้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานขายบริการในต่าง ประเทศมีอยู่ว่าในตอนแรกเธอเป็นหมอนวดในกรุงเทพฯ ต่อมามีคนมาชวนให้ไปทำที่ญี่ปุนบอกว่ารายได้ดีกว่าที่นี่ เสียอีก ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ยังไม่ต้องออก เดี๋ยวค่อยหักจากคำจ้าง เดี๋ยวเดียวก็หมดแต่พอไปถึงที่นั่นกลับต้องค้าประเวณีถึง 7ปี กว่าจะได้เป็นไทแก่ตัว เงินที่ถูกเจียดมาให้บ้างก็แทบจะ ไม่เหลือหลออะไร นี่ก็เป็นอุทาหรณ์สำหรับหลาย ๆคนทีคิด จะไปหากินในต่างประเทศและสำหรับบุคคลที่มี
พฤติกรรม เป็นธุระจัดหาล่อไปซักพาคนไปค้าประเวณียังต่างประเทศนั่น แม้ว่าการกระทำบางอย่างจะเกิดขึ้นนอกเขตแดนไทย แต่ก็สามารถเอาผิดตามกฎหมายไทยได้ 

ตอนที่ 85 นายหน้าหาเด็ก 3

ใครก็ตามที่คิดจะไปทำงานต่างประเทศหวังไว้ว่า อดทนลำบากไม่กี่ปี จะมีบ้านมีรถให้ครอบครัว ได้อยู่กันอย่าง สบายไม่ต้องยากลำบาก ก็ขอให้ทบทวนและตรวจสอบข้อมูล ต่างๆกับทางราชการให้ดีเสียก่อนโดยเฉพาะบรรดา คุณผู้หญิงทั้งหลายได้ยินได้ฟังมาหลายครั้งแล้วบ้างก็ว่าให้ไป ทำงานในโรงงานเย็บเสื้อ บ้างก็ให้ไปเป็นแม่บ้าน ไปเลี้ยงเด็ก ไปดูแลคนแก่คนป่วย แต่เอาเข้าจริงๆ กลับถูกจับไปขายซ่อง ถูกบังคับให้ค้าประเวณี ต้องทนทุกข์ทรมานนานหลายปี ดีไม่ดี อาจจะกลายเป็นศพไม่ได้กลับมาเหยียบบ้านเกิดอีก และลำหรับ ผู้ที่ใช้อุบายล่อลวงเป็นธุระจัดหา ชักพาให้คนอื่นไปค้า ประเวณีนั้น ต้องรับโทษหนักกว่าปกติเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งในสาม

ตอนที่ 86 เอเย่นต์น้อยๆ

ข่าวที่เริ่มจะปรากฏถี่ขึ้นในระยะนี้ เกี่ยวกับพฤติกรรม ไม่ดีของวัยรุ่นไทยในทางเพศ ยิ่งมีการสำรวจวิจัยโดยสำนักโพล บ่อยครั้งขึ้นเท่าใด ผลที,ออกมาก็ยิ่งทำให้เศร้าใจมากยิ่งขึ้น พวกสถิติตัวเลขเหล่านี่เป็นการสุ่มตัวอย่าง ย่อมมีความ คลาดเคลื่อนอยู่บ้างแต่สำหรับ พฤติกรรมของวัยรุ่นที่ว่ากันว่า มีเด็กบางคนตั้งตนเป็นเอเย่นต์ ชักพาเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คนที่รู้จักที่หน้าตาดีหน่อยเข้าวงการขายบริการทางเพศ หาเงิน มาตอบสนองความฟุ้งเฟ้อในทางวัตถุ พฤติกรรมเช่นนี้เป็น ความผิดตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี มีโทษถึงขั้นติดคุกและขอเตือนผ่านไปยังน้อง ๆเหล่านี้ว่า ขอให้คิดถึงคุณค่าของตนเองและจิตใจของพ่อแม่ด้วย

ตอนที่ 87 ภัยใกล้ตัว
เห็นเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อไม่นานมานี้ว่า ตามสถานที่ชอปปิ้งแหล่งท่องเที่ยว ที่วัยรุ่นมักจะไปเดินเล่น เช่น บริเวณสยามสแควร์นั้น มีบางคนทำตัวเป็นเอเย่นต์ เข้าไปเสาะแสวงหาวัยรุ่นสาวที่หน้าตาดีแต่งตัวสายเดี่ยว กระโปรงสั้น ดูเซ็กซี่ ท่าทางดูออก จะติดหรูซักหน่อย ชักชวน ให้ไปทำงานสบาย ๆแต่รายได้ดีเพื่อจะได้มีเงินไปใช้จ่าย ตามใจ ปรับเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย เปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่ เปลี่ยนกระเป๋าใบใหม่ได้เรื่อยๆ พอเหยื่อเริ่มติดเบ็ด ซักถาม ความก็ชัดเจนขึ้นว่า งานที่ว่านี้คือการเป็นเพื่อนเที่ยว เพื่อนคุยแก้เหงาและบ่อยครั้งก็น่าไปสู่การขายบริการทางเพศ ในที่สุดและสำหรับ พฤติกรรมเช่นนี้ถือเป็นความผิดอาญา ฐานเป็นธุระจัดหาให้มีการค้าประเวณี



ที่มา หนังสือ กฎหมายสามัญประจำบ้าน
โดย กระทรวงยุติธรรม มีนาคม 2552 


กลับหน้า เมนู กฎหมายสามัญประจำบ้าน

ตอนที่ 73,74และ 75 การกักขังแทนค่าปรับ และ Forward mail

ตอนที่ 73 ปรับปรุงการกักขังแทนค่าปรับ 1

เมื่อผู้กระทำความผิดถูกศาลพิพากษาให้ต้องโทษปรับ คน ๆนั้นก็มีหน้าที่นำเงินมาชำระค่าปรับตามที่ศาลกำหนด แต่ถ้าไม่มีเงินมาชำระค่าปรับหรือชำระค่าปรับไม่ครบถ้วน ก็จะถูกกักขังแทนค่าปรับ ในอัตราสองร้อยบาทต่อวัน เช่น ถูกปรับ 800 บาท นำเงินมาจ่ายแค่ 400 บาท เช่นนี้ ก็ต้องถูกกักขังแทนค่าปรับเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งแต่เดิม จะกักขัง ผู้ต้องกักขังแทนค่าปรับเหล่านี้ไว้ที่ห้องขังในสถานีตำรวจ อย่างไรก็ตามกฎหมายใหม่ไม่ให้กักตัวในสถานีตำรวจหรือ สถานที่ควบคุมผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวนอีกต่อไป ทำให้ในปัจุบันกรมราชทัณฑ์จะเป็นผู้ดำเนินการกักขัง ผู้ต้องกักขังแทนค่าปรับ

ตอนที่ 74 ปรับปรุงการกักขังแทนค่าปรับ 2

เมื่อผู้กระทำความผิดถูกศาลพิพากษาให้ต้องโทษปรับ คน ๆนั้นก็มีหน้าที่นำเงินมาชำระค่าปรับตามที่ศาลกำหนด แต่ถ้าไม่มีเงินมาชำระค่าปรับหรือชำระค่าปรับไม่ครบถ้วน ก็จะถูกกักขังแทนค่าปรับในอัตราสองร้อยบาทต่อวัน อย่างไร ก็ตาม มาตรการอย่างหนึ่งที่ผู้ต้องโทษปรับแต่ไม่มีเงินชำระ ไม่นิยมนำมาใช้ทั้งๆที่ดีกว่าการกักขังแทนค่าปรับ อย่างมากนั้นก็คือการทำงานบริการสังคมหรืองานสาธารณะ ประโยชน์แทนค่าปรับได้ถ้าหากว่าผู้ต้องโทษปรับไม่ใช่ นิติบุคคล บริษัทห้างร้านต่างๆ และโทษปรับตามคำพิพากษา ไม่เกิน 80,000 บาทก็สามารถยื่นคำร้องต่อศาลที่พิพากษา คดีขอทำงานบริการสังคมแทนค่าปรับได้

ตอนที่ 75 Forward mail

ท่านที่สนใจคอมพิวเตอร์ชอบเล่นอินเตอร์เน็ต คุ้นเคย กับการใช้อีเมล์คงจะเคยได้รับเมล์ที่เพื่อนๆส่งต่อหรือ ฟอร์เวิร์ดมาให้ เมล์ดี ๆ ก็มี แต่ที่เป็นภาพโป้ลามกก็เยอะ คิดว่า หลายๆ ท่านคงยังไม่ทราบว่า การส่งเมล์ต่อๆ หรือฟอร์เวิร์ด เมล์ทีมีเนื้อหาข้อความลามกหรือรูปภาพจะภาพนิ่ง ภาพ เคลื่อนไหวก็ถือว่าเป็นภาพลามกอนาจาร ถึงแม้เราไม่ได้ ค้าขายสิ่งเหล่านี้แค่จะอวดเพื่อนก็เสี่ยงต่อความผิด อาญาได้เพราะกฎหมายกำหนดว่าผู้ใดเพื่อการแจกจ่าย หรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชนทำให้แพร่หลายซึ่ง เอกสารรูปภาพ เสียง สิ่งลามก ย่อมมีความผิด แต่ที่ไม่มีเรื่อง ทุกวันนี้เพราะไม่มีการกวดขันจับกุม ดังนั้น ก่อนจะฟอร์เวิร์ด เมล์อะไร คิดให้ดีก่อน 


ที่มา หนังสือ กฎหมายสามัญประจำบ้าน
โดย กระทรวงยุติธรรม มีนาคม 2552 


กลับหน้า เมนู กฎหมายสามัญประจำบ้าน

ตอนที่ 68,69,70,71และ 72 เมื่อเด็กกระทำผิด

ตอนที่ 68 เด็กขโมยลูกอม

ข่าวเกี่ยวกับเด็กขโมยลูกอมที่ร้านค้าซื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านดอนเมืองได้พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ และก็มีประเด็นกฎหมายหลายเรื่องที่น่าสนใจ นั่นก็คือ การลักทรัพย์ โดยประมวลกฎหมายอาญาได้กำหนดไว้ว่า ใครที่เอาทรัพย์ของคนอื่นไปโดยทุจริตโดยรู้ทั้งรู้ว่าไม่ใช่ของ ตนเอง คนไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะครอบครองเป็นเค้าของทรัพย์นั้น แต่ก็ยังเอาไป อย่างนี้มีความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษ ไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6,000 บาท


ตอนที่ 69 เด็กอายุ 9 ปีกระทำผิด

เวลาที่เด็กและเยาวชนไปกระทำความผิดอาญา เขาจะต้องรับโทษทัณฑ์เหมือนเช่นผู้ใหญ่หรือไม่ถ้าเด็กอายุ ไม่เกิน 7 ขวบไปกระทำความผิด เด็กผู้นั้นไม่ต้องรับโทษเลย แต่ถ้าเด็กโตกว่า 7 ขวบ แต่ยังไม่เกิน 14 ขวบ อย่างเช่นเด็กอายุ 9 ขวบไปขโมยลูกอมในร้านค้าซึ่งกลายเป็นข่าวดัง เด็กคนนั้น แม้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ก็ไม่ต้องรับโทษเซ่นเดียวกัน เพียงแต่ศาลอาจจะว่ากล่าวตักเตือนเด็กคนนั้น หรือว่ากล่าว ตักเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลย1ไม่อบรม ลูกหลานด้วยก็ได้อาจจะมีการวางข้อกำหนดให้พ่อแม่ดูแล ลูกเป็นพิเศษหรืออาจให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยดูแลความ ประพฤติของเด็กอีกทางหนึ่ง

ตอนที่ 70 การควบคุมตัวเด็กที่กระทำผิด

แม้จะเป็นผู้กระทำความผิดเหมือนกัน แต่โดยสภาพ ร่างกายสภาพจิตใจวุฒิภาวะที'แตกต่างกัน กฎหมายจึง กำหนดกระบวนการต่าง ๆ เกี่ยวกับเด็กที่กระทำความผิดเป็น พิเศษกว่าผู้ใหญ่โดยทนุถนอมความรู้สึกนึกคิดของพวกเขา เช่น ต้องแจ้งให้พ่อแม่เขาทราบ การควบคุมตัวก็ต้องแยก ออกจากผู้ต้องหาอื่นทีเป็นผู้ใหญ่ มิใช่ควบคุมตัวในห้องขัง บนโรงพัก และจะควบคุมตัวได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง จากนั้นต้องส่งตัว ให้สถานพินิจฯรับเด็กคนนั้นไปดูแลต่อ พอไปถึงสถานพินิจฯ ผู้อำนวยการที่นั้นก็พร้อมตลอด 24 ชั่วโมงที่จะให้ พ่อแม่ผู้ปกครองมาประกันตัวเด็กออกไป ซึ่งส่วนใหญ่มักจะ เป็นการปล่อยชั่วคราวโดยไม่เรียกหลักประกัน

ตอนที่ 71 การสอบสวนเด็ก

ข่าวการควบคุมตัวและถามปากคำเด็ก 9 ขวบที่ขโมย ลูกอมนั้นมีประเด็นกฎหมายที่น่าสนใจนำมาพูดคุยกันหลายเรื่อง ทีเดียว เช่น เมื่อตำรวจจะทำการสอบสวนหรือถาม ปากคำเด็กที่อายุไม่เกิน 18 ปี ไม่ว่าในฐานะผู้เสียหาย ในฐานะพยาน หรือแม้แต่ในฐานะต้องหา การทำงานต่างๆ ของตำรวจต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ ระมัดระวังมิให้กระทบ กระเทือนต่อจิตใจ ความรู้สึกนึกคิดของเด็กเหล่านั้น ในการ สอบปากคำจึงต้องแยกเป็นส่วนสัดในสถานที่ที่เหมาะสม สำหรับเด็ก โดยมีนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ คนที่ เด็กไว้เนื้อเชื่อใจร้องขอ รวมถึงพนักงานอัยการเข้ามาร่วม ในการลอบปากคำนั้นด้วย



ตอนที่ 72 สั่งไม่ฟ้องเด็กทำผิด

กรณีเด็กวัย 9 ขวบไปขโมยลูกอมมูลค่าเพียงสามสิบ กว่าบาทนั้นแม้ว่าจะเป็นความผิดอาญาฐานลักทรัพย์ แต่กฎหมายก็เปิดช่องให้ไม่ต้องฟ้องร้องคดีต่อศาล หากผู้อำนวยการสถานพินิจฯพิจารณาอายุ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ นิสัยของเด็ก ประวัติ ฐานะอาชีพของพ่อแม่เด็กและพฤติการณ์ต่าง ๆแล้วเห็นว่า เด็ก อาจกลับตัวเป็นคนดีได้โดยไม่ต้องฟ้องร้องแต่ให้อยู่ในการ คุมประพฤติของสถานพินิจฯ เพื่อแก้ไขฟื้นฟูพฤติกรรม ผู้อำนวยการสถานพินิจฯอาจจะเสนอความเห็นต่อพนักงาน อัยการให้สั่งไม่ฟ้องคดีได้ เพราะความผิดฐานลักทรัพย์นี้มี  อัตราโทษขั้นสูงไม่เกิน 5 ปี และหากอัยการเห็นชอบด้วยคำสั่งไม่ฟ้องคดีของอัยการก็เป็นที่สิ้นสุด 


ที่มา หนังสือ กฎหมายสามัญประจำบ้าน
โดย กระทรวงยุติธรรม มีนาคม 2552 


กลับหน้า เมนู กฎหมายสามัญประจำบ้าน

ตอนที่ 66และ67 ขายเหล้าให้เด็กติดคุกและสังเกตคนติดยา

ตอนที่ 66 ขายเหล้ามีสิทธิ์ติดคุก

    ทุกวันนี้เด็กละเยาวชนกระทำความผิดอาญามากขึ้น โดยเฉพาะความผิดเล็กน้อย เช่น แก็งค์ซิ่งแข่งรถกวนเมือง การทะเลาะวิวาทไปจนถึงความผิดอาญาฉกรรจ์ การกระทำ ผิดข่มขืน รุมโทรมหญิง การจี๋ปล้น สาเหตุหลักคงเป็น เพราะความขาดความอบอุ่นในครอบครัวหรือเพื่อนฝูง แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการดื่มสุราของมึนเมาทำให้เด็กซึ่งอ่อน ต่อโลกอยู่แล้วขาดสติและถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ดีได้ง่ายขึ้น ดังนั้นกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จึงรณรงค์ห้าม ขายสุราให้แก่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งหากใครฝ่าฝื่นจะมี ความผิดโดยจำคุกสูงถึง 3 เดือน ปรับมากถึง 30,000 บาท หรืออาจจะโดนทั้งจำคุกและปรับ


ตอนที่ 67 สังเกตุคนติดยา

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติดมีข้อแนะนำในการระแวดระกังพิษภัยที่เข้ามา ย่างกรายครอบครัวของท่านเพื่อให้พร้อมแก้ไขปัญหา แต่เนิ่น ๆ เริ่มจากการสังเกตคนในครอบครัวของท่านโดยเฉพาะ อย่างยิ่งเด็กวัยรุ่นว่าเขามีพฤติกรรมเปลี่ยนไปหรือไม่ ใช้เงินสิ้นเปลืองมากขึ้นผิดปกติหรือเปล่า เด็กจะเริ่มโกหก ตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆน้อย ๆไปจนถึงเรื่องใหญ่ ๆเช่นเอามือถือ สิ่งของมีค่าที่พ่อแม่ให้ไปขายแต่โกหกว่าทำหายไป ใช้ห้องน้ำนาน เกียจคร้านไม่รับผิดชอบ ร่างกายอ่อนแอผอมแห้งแรงน้อย ขาดความเป็นระเบียบ สกปรก เก็บตัว อารมณ์ฉุนเฉียว เอาแต่ใจ จนกระทั่งติดต่อสมาคมคนแปลกหน้า

ที่มา หนังสือ กฎหมายสามัญประจำบ้าน
โดย กระทรวงยุติธรรม มีนาคม 2552 


กลับหน้า เมนู กฎหมายสามัญประจำบ้าน

ตอนที่ 61,62,63,64 และ65 ขับขี่อย่างปลอดภัย

ตอนที่ 61 ขับรถปลอดภัย

พอเข้าเทศกาลวันหยุดยาวทีไร อุบัติเหตุบนท้องถนน ก็เกิดขึ้นมากมายทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิต ไม่ว่ามีสาเหตุ จากสภาพแวดล้อม ความประมาทของคนขับ หรือสภาพของ ยานพาหนะก็ตาม ใครขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือเดินทาง กลับบ้านต่างจังหวัดต้องระมัดระวังให้มาก ต้องคอยเช็ค สภาพรถให้ดีอยู่เสมอ ตรวจดูสภาพเครื่อง เบรค ที่ปัดนํ้าฝน ลมยาง ไส้กรอง น้ำมันเครื่อง ไฟหน้า ไฟเลี้ยว ฯลฯ ให้อยู่ ในสภาพสมบูรณใช้งานได้ดีรวมถึงกระจกรถ หากกระจกรถ สกปรก เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบ ฝนละออง จะทำให้ทัศนะวิสัย ในการขับขี่แย่ลง บางคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็เป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุหลายต่อหลายครั้ง


ตอนที่ 62 ขับรถในเวลากลางคืน

ท่านที่มักจะขับรถในเวลากลางคืน ท่านทราบหรือไม่ว่า อุบัติเหตุมักจะเกิดในเวลากลางคืนมากกว่ากลางวันถึง 3 เท่า เพราะตาคนเราจะมองเห็นได้ในระยะใกล้และแคบมากขึ้น การคาดคะเนระยะห่างและความเร็วของรถคันอื่นก็ลดลง ตามไปด้วย ดังนั้น การขับรถตอนกลางคืน จึงต้องระมัดระวัง เป็นพิเศษและไฟหน้ารถก็เป็นอุปกรณ์ ที่สำคัญมาก หากวิ่ง สวนกันให้ใช้ไฟตาถือเป็นมารยาทที่สำคัญ เพราะหากใช้ ไฟสูงคนทีขับสวนมาจะมองไม่เห็นถนน หรือในกรณีที่รถ สวนมาไม่ยอมลดไฟลงอย่ามองสู้ไฟโดยตรงให้มองขอบถนน ไว้เป็นเกณฑ์ในการกะ ระยะห่าง และที่สำคัญอย่าลืม ถ้าง่วง อย่าฝืนให้หาปั้มนํ้ามันหรือจุดตรวจจอดรถนอนสักงีบ แล้วค่อยเดินทางต่อ


ตอนที่ 63 ปีใหม่ มารยาทขับรถ

อุบัติเหตุบนท้องถนนในหลาย ๆ ครั้งก็เกิดจากการ ขับรถโดยไม่มีมารยาทและต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันจนเกิดเรื่อง ตัวอย่างเช่น การขับรถปาดหน้าเพื่อขึ้นสะพานเข้าเลนเลี้ยว เลนกลับรถทั้งๆ ที่รถคันอื่นขับต่อแถวกันมาตั้งไกล ถ้าเรา พบเห็นผู้ขับขี่เช่นนี้ อย่าเก็บเป็นอารมณ์ ยอมให้เขาไปดีกว่า จะต้องมาเฉี่ยวชนกัน ดีไม่ดี อาจจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง ตามมาก็ได้ นอกจากนั้นพวกมอเตอรไซด์ รถ 2 ล้อนี่ก็สำคัญ ชอบขับปาดไปปาดมา หาซ่องเล็กซ่องน้อยไปข้างหน้า ยังไง ก็ขอให้คิดว่า เขานะเนื้อหุ้มเหล็ก แต่เราเหล็กหุ้มเนื้อ ยอม ๆ เขาหน่อย ดีกว่าจะมีอุบัติเหตุเสียทั้งเงิน เสียทั้งรถ เสียทั้งเวลา และยังเสียอารมณ์อีกด้วย

ตอนที่ 64 ถ้าง่วงนัก พักซะก่อนดีกว่า

ท่านที่กำลังเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดหรือไป ท่องเที่ยวไกลโดยใช้รถยนต์ ถ้าอยากเดินทางอย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ ท่านจะต้องไม่ขับรถในขณะง่วงนอน หรือเหนื่อยล้า ก่อนขับรถควรพักผ่อนให้เต็มที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งขับรถ ไปต่างจังหวัดไกล ๆ เวลาง่วงนอนจะไม่สามารถควบคุมรถได้ อย่างมีประสิทธิภาพถือว่าขาดสติพอ ๆ กับดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้นหากรู้สึกง่วงให้สลับกันขับกับเพื่อนที่นั่งมาด้วย หรือชวนกันคุยตลอดทางหากเดินทางคนเดียวให้แวะพักตาม สถานีบริการน้ำมัน กินขนมขบเคี้ยวหรือแวะดื่มน้ำสักครู่ แต่ หากง่วงจริงๆ อย่าฝืนให้พักงีบสัก 20-30 นาที แล้วค่อย เดินทางต่อ

ตอนที่ 65 เปลี่ยนทัศนะการขับ ลดอุบัติภัย

ทุก ๆช่วงเทศกาลหยุดยาว การป้องกันอุบัติภัยบน ท้องถนน ซึ่งการจะลดอุบัติภัยได้นั้นต้องเริ่มจากความมีวินัย และการเคารพกฎจราจรซึ่งไม่ใช่ว่าจะเคารพกฎจราจรต่อหน้า ตำรวจเท่านั้น หากแต่ต้องกระทำสม่ำเสมอ จนกลายเป็นนิสัย ต่อมาก็คือ ต้องไม่ประมาท ไม่ใจร้อน และต้องคำนึงเสมอว่า ชีวิตและร่างกายของเรานั้นสำคัญกว่าสิ่งอื่นใดและข้อสุดท้าย ถ้ารู้ว่าตนเองเหนื่อยถ้าขับไม่ไหวก็อย่าฝืนและที่สำคัญ หากเสพสุรา สิ่งมึนเมา ไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหนกรุณาอย่า เอาชีวิตคนอื่นๆเข้าไปเสี่ยงร่วมกับท่าน


ที่มา หนังสือ กฎหมายสามัญประจำบ้าน
โดย กระทรวงยุติธรรม มีนาคม 2552 


กลับหน้า เมนู กฎหมายสามัญประจำบ้าน