วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558

Street English & Slangguage English

 Street English & Slangguage
ทีมา เว็ปเพื่อนบ้าน ท่านก๋อง ณ Street English



สวัสดีคนอ่านทุกท่าน
ขอต้อนรับสู่โลกของการพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน
หากผู้หวังจะพบวิธีใช้แกรมม่าอย่างถูกต้อง

ท่าน ...
มาผิดที่แล้วครับ !!
เพราะที่นี่มีแค่คำพูดที่ฝรั่งใช้พูดกันจริงๆ แสลง สานวนที่ถ้าเอาไปใช้ถูกที่ถูกเวลา
จะทำให้เท่ไปเลย และเป็นคนไทยที่พูดได้ใกล้เคียงฝรั่งเลยทีเดียว
ต้องขอขอบคุณบล็อกของท่านก๋อง ณ Street English
ที่รวบรวมความรู้ภาษาอังกฤษมาเผยแพร่แก่คนไทย
และคิดว่า เขาคงจะอยากให้คนไทยได้อ่านกันอย่างทั่วถึง
เลยหยิบเอาข้อมูลของเขามาช่วยเผยแพร่อีกทาง
ขอขอบคุณ


ภาษาวัยรุ่น Colloquial Style English (Real Street!!)
Street English บทแรกวันนี้ เป็น Street English จริงๆที่พบเห็นหรือได้ยินบ่อยที่สุดครับ ไม่ว่าจากการ ฟังฝรั่งหรือคนพูดภาษาอังกฤษพูดในชีวิตประจำวัน แม้แต่ผมเองก็พูดจนติดปากเลยครับ (ไม่พูดเดี๋ยวจะไม่แนว) ยิ่งถ้าดูหนังฟังเพลง ได้ยินจนเต็มหู จนเกลื่อนเลยครับ

ภาษาที่ผมจะพูดถึงนี้ก็คือ ภาษาพูด แบบ Colloquial style ซึ่งเป็นภาษาพูดท้องถิ่น จนเริ่มแพร่หลายไปทั่ว ในการใช้ภาษาอังกฤษ

ภาษาแบบนี้ ไม่ถูกหลักไวยากรณ์ ในการเขียนแน่นอนครับ (ผมบอกแล้ว ภาษาอังกฤษข้างถนนของเราไร้ซึ่งไวยากรณ์) ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ คำแรกที่ได้ยินบ่อยมากเลยคือคำว่า "gonna" กัน-หนะ ครับ ซึ่งก็ย่อมากจาก going to นั้นเอง ถ้าคนเคยเล่น msn กับคนใช้ภาษาอังกฤษ ต้องเคยใช้แบบนี้แน่
นี่เป็นตัวอย่างของการเปลี่ยนรูปแบบตัวสะกดของ colloquial style ครับ คำที่เปลี่ยนรูปการสะกดก็มีดังตัวอย่างพร้อมตัวเต็มและตัวอย่างประโยคดังต่อไปนี้ครับ

I'm gonna give it to you tomorrow
ฉันจะให้เธอวันพรุ่งนี้

wanna
want to
I wanna go home now
ฉันอยากกลับบ้านเดี๋ยวนี้

gotta
got to
I've gotta sleep now
ฉันต้องนอนแล้ว

gimme
give me
gimme that money!!
เอาเงินมา!!!

kinda
kind of
She's kinda cute
เธอค่อนข้างน่ารัก

sorta
sort of
That movie is sorta boring
หนังเรื่องนั้นค่อนข้างน่าเบื่อชะมัด ต่อไปเป็นพวกที่ใช้เครื่องหมาย Apostrophes หรือเครื่องหมายลูกน้ำนั้นหละ ' หรือเดี๋ยวนี้ผมไม่เห็นคนใส่กันแล้วด้วยซ้ำ

I have nothin in my wallet
ฉันไม่มีอะไรในกระเป๋าสตางค์เลย

an' หรือ 'n'
and
It's rock 'n' roll
(อันนี้ไม่ต้องแปลก็ได้)

'coz หรือ 'cause
because
'coz I don't care anymore
เพราะฉันไม่แคร์อีกต่อไปแล้ว

'em
them
let's beat 'em up!!
ไปอัดพวกมันกัน!!

'way
away
stay 'way from my house!
อยู่ห่างๆจากบ้านฉันนะ!


'bout
about
Every's talkin' 'bout love
ใครๆต่างก็พูดถึงเรื่องความรัก

นี่เป็นตัวอย่างของอังกฤษแบบ Colloquial style ครับ หรือบางคนเรียกมันว่า Street English ซึ่งตรงประเด็นของ Blog นี้เลย
คำสุดท้ายที่ผมจะพูดในครั้งนี้ก็คือ คำว่า ain'tครับ คำว่า "ain't" ใช้แทน verb to be ที่อยู่ในรูปปฏิเสธได้หมดทุกตัวครับ และยังแทน haven't กับ hasn't ด้วย ฉะนั้นทั้ง isn't, aren't, am not (amn't ไม่มีนะครับ) จะสามารถใช้คำว่า ain't ได้หมดเลย และเราใช้ในภาษาพูดแบบ streetๆ ละครับ
ตัวอย่าง

I ain't got no money!! ฉันไม่มีเงินเลยซักนิดเดียว
คงงงด้วยใช่มั๊ยครับว่า ทำไมมี ain't แล้วยังต้องมี no อีก ความจริง อันนี้เป็นคนแอฟริกัน-อเมริกันชอบพูดครับ กลายเป็นว่า I ain't got money กับ I ain't got no money กลายเป็นความหมายเดียวกันซะงั้น เพราะคนแอฟริกัน-อเมริกันดันไปวิบัติภาษากันซะเอง


*~* Street English *~* - คำเรียกเพื่อนสำหรับวัยรุ่น นอกจากคำว่า Friend
เพื่อน ที่วัยรุ่นอเมริกันใช้เรียกเพื่อนกัน แต่ส่วนมากเห็นแต่เด็กวันรุ่ยผู้ชายใช้มากกว่า ไม่เห็นผู้หญิงใช้เท่าไหร่ (แต่ก็เคยมีนะ เวลาเค้าเรียก)
คงเคยได้ยินมาบ่อยๆใช่มั๊ยครับ เวลาเด็ก Hip Hop เค้าทักกัน What's up!? man! นั่นแหละ วอซซับๆ แล้วทำไมต้องมีคำว่า Man! ด้วยหละ ความจริงมันก็เหมือนคำว่า "ว่าไง! เพื่อน!" นั้นแหละครับ แต่นอกจากคำนี้ ยังมีคำแสลงอีกหลายคำที่เค้านิยมใช้กันนอกจากคำว่า Friend
แต่คำพวกนี้ ใช้กันเฉพาะเพื่อนสนิทนะครับ อย่าเอาไปใช้กับคนอื่นละเพราะมันไม่สุภาพครับ
Friend คำนี้ใช้แล้วไม่ค่อยแนวเท่าไหร่ เช้ยเชยครับ

Dude ออกเสียงว่า ดู๊ด เสียงสูงๆนะ อย่าเป็นดูดละ คำนี้ได้ยินบ่อยสุดๆ ฮิทมาก ความจริงแปลว่าผู้ชาย แต่เรียกเพื่อนก็เท่
Man ได้ยินจนเบื่อแล้ว เรียกเฉพาะผู้ชายนะครับ
Bud , Buddy เคยเล่นกันใช่มั๊ยละเกมบัดดี้ๆ มันก็แปลว่าเพื่อนครับ ได้ยินบ่อยเช่นกัน
Pal ออกเสียงว่า พาวล นี่ก็บ่อยครับ
Partner อันนี้แปลว่าคู่หู หรือ หุ้นส่วน หรือไว้เรียกคู่ซี้ที่ทำงานด้วยก็ได้ครับ เคยเห็นหนังตำรวจมั๊ยละ เค้าจะเป็นคู่ๆ
Mate คำนี้ได้ยินคนจากอังกฤษพูดมากกว่านะครับ แต่ก็ยังพอได้ยินบ้างแต่อเมริกันไม่พูดกัน
Guys หรือ Girls (gals) คำนี้ไว้เรียกเป็นกลุ่มเลยครับ ผู้ชายก็ guy(แต่บางทีก็รวมผู้หญิงด้วย)ผู้หญิงก็ girls

Chum คำนี้ผมไม่เคยเห็นคนใช้นะครับความจริง
Bro อันนี้ได้ยินบ่อยมากๆ อ่านว่า โบร ย่อมาจาก brother คือพี่น้องผู้ชาย
Playmate อันนี้ก็ไม่ได้ยินเท่าไหร่ครับ
Amigo คำนี้ผมชอบครับ มาจากภาษาสเปนแต่คนอเมริกันรู้จักกันดี อ่านว่า อะมี้-โก้ แปลว่าเพื่อนเลยครับ ได้ยินเยอะที่อเมริกา
Folks คำนี้นิยมใช้กันเยอะเหมือนกันที่อเมริกา ไม่ต้องวัยรุ่นๆก็ได้ครับ ความจริงมันแปลว่า พ่อแม่ ด้วยก็ได้
Fellow คำนี้ก็ใช้ได้ แบบไหนก็ได้
Fellas คำนี้แน้วแนวครับก็มาจากคำว่า Fellow นะแหละใช้แล้วฟังแล้วโคตรเท่ห์เลย เหมือนเด็กฮิป
Bosom คำแสลงนี้ก็เข้าใจได้ว่า หมายถึงเพื่อนสนิทครับ
ใครรู้จักคำไหน อีกบ้างก็เขียนบอกเพิ่มหน่อยนะครับ คราวนี้ เราจะได้ทำตัวดูเป็นเด็กแนว วัยรุ่นฝรั่ง ไปทักเพื่อนแบบเท่ห์ๆได้แล้ว
WHAT'S UP DUDE?!!? SEE YA LATER BRO!!!

สนทนาภาษาแชต สงสัยไหมอะไรคือ lol, brb ttyl?
ผมเชื่อว่าการเรียนภาษาอังกฤษ หรือการฝึกภาษาอังกฤษของแต่ละคน คงมีวิธีแตกต่างกันออกไป และก็คงต้องมีบางคน เลือกวิธีหาเพื่อนฝรั่งหรือใครก็ได้ คุยกันผ่าน Instant Messenger ทั้งหลาย อาจจะเป็น MSN, Yahoo instant messenger, ICQ หรือ AIM (โปรแกรมยอดฮิทของคนอเมริกัน America online messenger)

เคยมีไหมที่เราคุยกับคนอื่นเป็นภาษาอังกฤษ แล้วเจอคำแปลกๆ ที่เขาพิมพ์มา
ดูตัวอย่างการแชตกับคนแปลกหน้าครั้งแรกนะครับ (เป็นประโยคที่แต่งขึ้นนะ) G.o.n.g: Hello Farang: HEY! G.o.n.g I'm Gong.
 I want to be your friend Farang: yea. asl?
 G.o.n.g: what? (อะไรว่ะ asl มันเขียนอะไรผิดรึเปล่า ตูเปิดดิคก็ไม่มี)
 Farang: what's your age, sex, location?
 Gong: Oh! I'm 20, man, Thailand Farang: awesome!
 I luv thai food, LOL Gong: thai food?
yes yes yes 555+(มันบอกอะไรว่ะ ตูไม่เข้าใจ รู้แต่ไทยฟูด แล้ว LOL คืออะไรว่ะเนี่ย โล โหล โล่ หลอน อ่านว่าอะไรอะ ตูเยสๆ กะหัวเราะไปก่อนละกัน)
 Farang: brb, I'm afk atm

Gong: ... (กรรม ตูคุยกะคนชาติไรเนี่ย มันไม่ได้พูดอังกฤษนี่หว่า ไม่คุยแ-งแล้ว แล้วทำไมมันหายไปนาน ไม่ตอบนานเลยเนี่ย) Farang: sorry. I gtg now. btw ttyl Gong nevermind (มันซอรี่ทำไมว่ะ กูตอบไม่เป็นไรไปก่อนละกัน... อ้าวออกไปซะแล้ว เออดีไม่คุยกะมันอีกดีกว่า)

ตัวอย่างบทสนทนาด้านบน คนที่คุยกับเพื่อนภาษาอังกฤษบ่อยๆ คงเข้าใจ ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ผมมั่นใจได้เลยว่าคนที่ไม่ค่อยได้คุยอังกฤษผ่าน MSN เลย งงกันเป็นไก่ตาแตกกันหมดแล้ว
ฝรั่งที่คุยในบทสนทนานั้น เขาใช้ภาษาตัวย่อ ที่พวกนักเล่นเน็ท วัยรุ่น ใช้กัน ตัวย่อพวกนี้ ส่วนมากจะเอาเฉพาะอักษรตัวแรกของคำมาใช้ เราเรียกคำพวกนี้ว่า Abbreviation หรือ Acronym word ครับ และเขาก็ใช้กับสำนวนที่ใช้กันบ่อยๆ หรือบางคำก็เป็นแสลงใหม่ไปเลย เช่น noob มาจากคำว่า novice คือคนที่เพิ่งหัดทำอะไรซักอย่าง ก็เหมือนกันแหละครับเวลาคนไทยหัวเราะชอบพิมพ์ว่าอะไรหละ 555 แบบนี้ใช่มะ แต่คนไทยเข้าใจ แล้วคนอื่นเขาจะรู้เรื่องไหมเพ่
จากด้านบนฝรั่งมันชอบถาม asl? กันบ่อย ไม่รู้เป็นไร มาถึงชอบถาม age sex location เลย เพื่อไม่ให้เสียเวลา ผมนำคำที่เขาใช้บ่อยๆกันมาให้ดูครับ เราไม่จำเป็นต้องดูทุกคำหรอกครับ ผมเองก็คัดเฉพาะคำที่เจอบ่อยๆ แต่ผมจะไฮไลท์ คำที่ควรรู้ และเจอบ่อยมากๆจากส่วนตัวผม ด้วยสีแดง ใครจะอ่านแต่สีแดงก็ได้นะ จำเอาไว้ไป chat กับเพื่อนๆ ให้ดูว่าตัวเองไม่เชย ก็ได้ครับ ขอบอกว่ามันยังมีอีกคำอื่นๆอีกที่ไม่ได้เขียนไว้เป็นร้อยเลย แต่ไม่สำคัญต้องรู้จักเลยครับ ถ้าใครอยากรู้ก็ไปค้นหาในกูเกิ้ลเอาละกัน
A AAK Asleep at the keyboard หลับหน้าเครื่องอยู่
AAR8 At any rate เท่าไหร่ก็ได้
AFK Away from computer keyboard (ตอนนี้ไม่ได้อยู่หน้าเครื่อง)
ASAP As soon as possible เร็วสุดเท่าที่เร็วได้
A/S/L  Age/Sex/Location อายุ/เพศ/อยู่ที่ไหน
ATM At the moment ในตอนนี้
ATW Around the web รอบโลก
 B B Back กลับมาแล้ว
 B4N Bye for now ไปก่อนหละ
BBS Be back soon เดี๋ยวมานะ
BC Because เพราะว่า
BCNU Be seein' you เจอกัน
BF Boyfriend แฟนผู้ชาย
BFN/B4N Bye for now ไปก่อนนะ
BG Big grin (ยิ้มอยู่)
BIL Boss is listening (เจ้านายแอบดูอยู่นะ)
BMG Be my guest เธอก่อนเลย
BOTOH But on the other hand แต่ในทางกลับกัน
BRB Be right back แปปนึง เดี๋ยวมา
BTDT Been there, done that ไปมาแล้วทำแล้ว
BTW By the way เออ ลืมไป..
BYKT But you knew that เธอก็รู้นี่
C COZ Because เพราะว่า
CU See you แล้วเจอกัน
CUL or CUL8R See you later แล้วเจอกัน
D DQMOT Don't quote me on this อย่ามาพูดตามนะ
E EOM End of message จบข่าว
EZ Easy ง่าย
EG Evil Grin (เหอๆๆ ฮึๆๆ)
F F2F Face to face เจอกันต่อหน้า
F2T Free to talk คุยได้
FAQ Frequently asked questions คาถามที่ถามบ่อย
GG2G Got to go ต้องไปแล้วนะ
GAL Get a life GF Girlfriend แฟนผู้หญิง
GGN Gotta go now ไปแล้วนะ
GJ Good job ทำได้ดีมาก!
GL Good luck โชคดีนะ
GOL Giggle out loud อิอิ คิกคิก หึๆ
GR8 Great เยี่ยม! GRT Great เยี่ยม!
GTG Got to go ต้องไปแล้วนะ
GW Good work ทำได้ดีมาก
H H8 Hate I H8 U ฉันเกลียดแก!!
HAK Hugs and kisses กอดๆ จุ๊บๆๆๆ
HAND Have a nice day โชคดีนะ
I IAC In any case เผื่อว่า
IC I see อืม เข้าใจ
IDC I don't care ไม่แคร์
IDK I don't know ไม่รู้สิ
ILY I love you ไอ เลิฟ ยู
IM Instant Message IMHO In my humble opinion อย่าว่ากันนะ ฉันว่า..
IMO In my opinion ฉันว่า...
IMPOV In my point of view ฉันว่า....
IOW In other words พูดอีกอย่างก็..
IRL In real life ในชีวิตจริง 
J JIC Just in case เผื่อไว้
 JK Just kidding ล้อเล่นน่า..
JTLYK Just to let you know แค่บอกให้รู้ไว้
KK Okay โอเค
KIS Keep it simple เอาง่ายๆ
KIT Keep in touch ติดต่อกันอีกนะ
L L8 Late สาย
L8R Later บาย เจอกันใหม่
LBH Let's be honest ใจจริงนะ
LMAO Laughing my ass off ก้ากๆๆ ฮาๆๆ
LOL Laughing out loud 555+ ฮ่าๆๆๆ
M MIRL Meet in real life เจอกันจริงๆ
MorF Male or Female ชาย หรือ หญิง?
MOS Mom over shoulder แม่มองอยู่
NNE Any (ใช้ได้เยอะ เช่น neway คือ anyway)
NBD No big deal ไม่มีปัญหา เรื่องเล็กน่า
NMU Not much, you? เฉยๆ เธอละ
NP No problem ไม่มีปัญหา เรื่องเล็ก
Noob "Newbie" มือใหม่ (อ่อนๆ)
NVM Never mind ไม่เป็นไร ช่างเหอะๆ
OOIC Oh, I see อืมๆ เข้าใจแล้ว
OMG Oh my god พระเจ้า จอร์จจจ
OTP On the phone คุยโทรศัพท์อยู่
P PAW Parents are watching พ่อแม่ดูอยู่
PCM Please call me โทรมาหานะ
PIR Parent in room พ่อแม่อยู่
PLS Please นะๆๆๆ PLZ Please นะๆๆๆ ได้โปรด
Q Q Question R ROTFL Rolling on the floor laughing ก๊ากๆๆ ขำกลิ้ง
RL Real life ชีวิตจริง
RSN Real soon now ใกล้แระ
RUOK? Are you okay? เธอโอเคมั๊ย
S SIT Stay in touch ติดต่อกันนะ
SOZ, SRY Sorry ขอโทษที
SYS See you soon แล้วเจอกัน
S2R Send to receive ส่งไฟล์
T TAFN That's all for now มีแค่นี้แหละ
THX Thanks ขอบใจจ้า
TIA Thanks in advance ขอบคุณล่วงหน้า
TMB Text me back ตอบด้วย
TOY Thinking of you คิดถึงเธอจัง
TTYL Talk to you later แล้วคุยกันใหม่นะ
TY Thank you U
U You เธอ
U2 You too แล้วเธอหละ
WWB Welcome back ต้อนรับกลับมาจ้า
W/E Whatever ช่างเหอะ ตามใจ
WFM Works for me ของฉันได้ผลนะ
WTG Way to go เอาเลย!
WTH What the hell? ไรว่ะเนี่ย
WTF What the F*** เชี้ยไรว่ะ
WU What's up? ไง วอซ อัพๆ
WYGOWM Will you go out with me? ไปเที่ยวกันมะ
X XOXO Hugs and kisses กอดๆๆ จุ๊บๆๆๆๆ Y
Y Why ทาไมหละ
YT? You there? อยู่เปล่า
YW You are welcome ไม่เป็นไร ยินดีจ้า
ZZZZ Tired or bored คร่อก....ฟี้~

รวมสานวนเก๋ๆ "เงียบเหอะน่า", "ไปให้พ้นเลยไป"

เอนทรี่นี้ เขียนขึ้นด้วยความหงุดหงิดส่วนตัวเล็กน้อย ที่อยากเขียนรวมสำนวนแนวสตรีทภาษาข้างถนน ตามสถานการณ์ต่างๆแบบเก๋ๆแนวๆ ไปใช้แทนประโยคเดิมๆ จำเจ ที่เราเคยเรียนหรือได้ยิน(ตามคอยเซปท์) สำนวนเหล่านี้ เขาจะเรียกว่า Expression คือภาษาพูดที่มีการแสดงอารมณ์ สำนวนพวกนี้ ผมพยายามเค้นรวบรวมจากความคิดตัวเองให้ได้มากที่สุด ฉะนั้นคงจะมี ขาดตก เป็นบางสำนวนไปบ้าง
ขอเริ่มเปิดสถานการณ์ ที่มีคนพูดมาก หรือ เรียกได้ว่าน่ารำคาญ ชวนกินประสาทคนฟังอย่างเรา เรา ก็อยากจะบอกให้มันหุบปากเหลือเกิ๊น จะพูดได้อย่างไรบ้าง
เวลาเราเจอคนน่ารำคาญ พูดมาก เราอยากตอกมันกลับ ให้ "เงียบซะมึงน่ารำคาญ" ได้แบบแนวๆ ไม่จำเจแค่คำว่า shut up ได้อย่างไรบ้าง

Shut up Bite your tongue - (ถ้าไปแปลตรงตัวมันก็ให้กัดลิ้นตัวเอง)
You've made your point - สำหรับพวกที่พูดซ้ำๆซากๆ อธิบายหลายรอบเกิน บอกมันเลย "เออ เข้าใจแล้วเว้ย อธิบายซ้ำซากอยู่ได้"
Not another word - "หยุดพูดได้แล้ว รำคาญ"
Say no more Shut your mounth - เจอตรงตัวภาษาไทยแล้ว "หุบปากน่า"
Pipe down - (อธิบายไม่ออก เอาเป็นว่า เงียบไปละกัน)
Give me a break - อันนี้ออกแนวอีกฝุายต่อว่าเราที่เราทำผิด ก็พูดอยู่นั่นแหละ "เออๆๆ กูรู้แล้ว พอๆอย่าตอกย้ำ"
Zip it - ตอนดูหนังMr & Mrs Smith แล้วได้ยินพอดี "รูดซิปปากไปซะ"

ไงละ พอแล้วกับสำนวนสั่งให้เงียบ แต่ถ้าเจอคนน่ารำคาญกว่ามากๆ ประมาณว่าเราอยากให้มัน ไปไกลๆ ไปให้พ้น ไปไกลๆตีนกู จะพูดว่าอะไรได้บ้าง เริ่มจากง่ายๆที่คุ้นหูก่อนเลย

Go away - ไปเลยไป
Get lost - ไปไหนก็ไปเลยไป
Get out - ออกไป (อย่ามายุ่งกะกู)
Beat it - หยาบหน่อย ไปไกลๆตีนเลยไป
Knock it off - ได้ยินครั้งแรกจากหนังซักเรื่องอะนะ
Buzz off - ไปเลยไป
Clear off - ส่วนมากเห็นเวลาให้สลายกลุ่มไป เช่นให้เด็กๆออกจากสนามเด็กเล่น
Hey kids. Clear off. We going to close here soon. "เด็กๆ กลับไปได้แล้ว เราจะปิดแล้ว"
Go to hell - ไปลงนรกไป (ออกแนวเคือง เกลียดมัน)
Drop dead - ไปตายไป
Out of my sight - "ไปไกลๆ อย่ามาให้เห็นหน้านะ" (เกลียดหนังหน้ามัน)
Go jump in the lake Go fly a kite Go fry an egg - สามอันรวดนี้ ออกแนวแบบ "จะไปทำอะไรก็ไปเลย (อย่ามากวนใจ)" ให้ไปทั้งโดดน้ำ ชั...เอ่อ เล่นว่าว ทอดไข่ ก็ไปทำเลยไป
Hop it - ไปๆ
Push off - คำนี้ก็น่าจะเป็นคำอเมริกันนะ ไปให้พ้น
Leave me alone - "อย่ามายุ่งกับฉันน่า" อยากอยู่คนเดียว
Do you mind? - เพิ่งคิดออกตอนเขียนถึงตรงนี้พอดี "เอ่อ โทษนะครับ" (ออกแนวประชด แบบว่า เฮ้ย โทษนะ มึงอะ รู้ตัวเปล่า กูรำคาญ)
วันนี้แนะนำสำนวนเท่านี้ก่อนละกันนะครับ ใครมีประโยคไหนรู้จักอีก แนะบอกผมด้วยนะ อ๋อที่สำคัญ ถ้าคิดจะเอาสำนวนพวกนี้ไปใช้ คุณต้องใส่อารมณ์หน่อยนะครับ ไปพูดแบบนี้แบบเฉื่อยๆเอื่อยๆ คุณนะแหละจะโดนด่าให้เงียบ หรือโดนไล่ไปแทนละมั้ง

ป.ล. ตอนนี้กำลังมีโครงการจะเขียน เรื่องไวยากรณ์ Tenses แต่ปกติแล้วตอนเริ่มเขียนบลอคนี้มาผมเคยตั้งคอนเซปท์ ภาษาอังกฤษแบบไร้ไวยากรณ์ เพราะจะได้ไม่น่าเบื่อ แต่ ดูเสียงเรียกร้องผู้อ่านก่อน ผมเลยกำลังจะกลับไปทำการบ้าน คิดวิธีสอน Grammar โดยเฉพาะเรื่อง Tenses ที่คนไทยมีปัญหากันมากที่สุด ให้สนุกและเข้าใจง่ายขึ้นน่าอ่านได้อย่างไรอยู่ เอาไว้รอติดตามนะ



ซับนรก ของแผ่นหนังDVDผี ตอนที่ 1

เมื่อวานได้ไปซื้อหนัง DVD ที่ร้าน Blockbuster มาแถวบ้าน ร้าน Blockbuster เป็นร้านให้เช่าหนังที่ใหญ่ที่สุดที่อเมริกาเลยครับ ปกติร้านเช่าหนัง ภาษาอังกฤษเราต้องเรียกว่า Movie rental store นะครับ แต่เนื่องจากเพราะว่า ร้านนี้เป็นร้านที่มีชื่อที่สุด(ในโลกเลยก็ว่าได้) คนอเมริกัน เลยใช้คำศัพท์ว่า Blockbuster แปลว่าร้านเช่าวิดีโอ เช่าหนัง บ้างก็มี แต่ก็ไม่ควร เพราะความเป็นจริงคำว่า Blockbuster ต้องแปลว่า "หนัง/การแสดง/วรรณกรรม ที่ยอดเยี่ยมและประสบความสำเร็จมาก" ผมเป็นสมาชิกร้านนี้มามากกว่า 10 ปีแล้วเนี่ย อยู่ใกล้บ้านดี(เมืองไทยนะ) ขนาดตอนอยู่ที่อเมริกาก็ไปสมัครสมาชิกไว้ด้วย เมื่อก่อนจะเช่าหนังมาดูถี่มาก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยแล้ว เพราะไม่ค่อยมีเวลาดูหนังเหมือนตอนเด็กแล้ว แต่ผมจะชอบไปค้นๆแผง DVD มือสองที่เค้าขายในร้านครับ

แผ่นดีวีดีเถื่อน ไม่ได้เรียกว่า Ghost DVD หรือ Fake DVD นะ เขาต้องเรียกว่า Pirated DVD นะ และก็ไม่ได้แปลว่า หนังโจรสลัดแบบ Pirates of the Caribbean ด้วย หากใครไปซื้อแผ่นผี แล้วถ้าคุณเป็นคนที่ต้องคอยอ่านซับไตเติ้ลภาษาไทย คุณอาจจะได้เจอซับ ที่ผมขอ เรียกมันว่า "ซับนรก" ก็ได้ เพราะมันใช้เครื่องแปล ไม่ใช่คนแปล


I love you, honey ฉันรักคุณ น้ำผึ้ง (ฉันรักคุณที่รัก)
Everybody listen up ทุกคนฟังข้างบน (ทุกๆคนฟังทางนี้)
What's up man อะไรอยู่ข้างบน (ว่าไง เพื่อน!)
Holy shit! อุจจาระศักดิ์สิทธิ์ (แม่เจ้าโว้ย, เวรเอ้ย, พับผ่าสิ)
I give up, man! ฉันให้ขึ้นผู้ชาย (ฉันยอมแพ้แล้ว)
How are you doing, baby เธอกำลังทำยังไงทารก (สบายดีไหมครับ สาวน้อย)
How's it going today มันกำลังไปยังไงวันนี้ (สบายดีไหม?)
I'll be right back in a minute ฉันจะอยู่ขวาหลังใน 1 นาที (เดี๋ยวฉันจะกลับมา ไม่นานหรอก)
I don't give a god damn shit ฉันไม่ให้พระเจ้าขี้หรอก (ฉันไม่สนใจหรอก)
Come over here, man / Come on, man มาบน(นี้) ผู้ชาย (มานี่เร็ว เพื่อน)
That's bullshit นั่นคือขี้ควาย (ไร้สาระน่า)


ซับนรก จากแผ่นหนังDVDผี ตอนที่ 2

แต่ถ้าอ่านดีๆ ความจริงซับนรกที่ผมมานำเสนอนะ มันก็เป็นสำนวนเด็ดๆหลายคำของฝรั่งนะครับ ใครที่ไม่รู้มาก่อน จะได้ความรู้ไปเพิ่มด้วยไง และสาเหตุที่ซับนรกที่ผมว่า มันจะทำให้เราฮาได้ ก็เพราะเนื่องจากเครื่องแปลมันแปลตรงตัว และสำนวนฝรั่งหลายคำ ก็ใช้คำที่เราอาจจะเข้าใจยากอยู่ มันก็เลยแปลออกมาเพี้ยนๆเพื่อเรียกเสียงฮาให้พวกเรา อย่างที่เห็น แต่ว่าประโยคง่ายๆบางคำ ที่ผมเจอมาก็ยังแปลให้ฮากันไปได้ เช่น Can you help me? แน่นอน ทุกคนเข้าใจว่า "คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม" แต่เชื่อไหมครับ ผมเจอจังๆ มันแปลเป็น "กระป๋องคุณช่วยฉัน" (กรรมจิงๆ มันตรงตัวจริงๆเกินไปรึเปล่าเนี่ย)
Let's get the hell out of here สำนวนอีกแบบหนึ่งที่เห็นจากตัวอย่างหนังเรื่อง Rush Hour 3 (ใครพลาดไม่ได้อ่านเอนทรี่นี้ ย้อนกลับไปอ่านได้) ถ้าแปลแบบซับนรก ก็อาจจะกลายเป็น "เอานรกออกจากที่นี่กันเถอะ" หรือคำศัพท์ที่มีสองหรือหลายความหมายขึ้นไปเช่น Piss take a piss จะแปลว่าฉี่ แต่ถ้า piss off จะแปลว่าโกรธ ถ้าบอกว่าฉันโกรธมากอยู่ ก็พูดว่า I'm so pissed ก็ได้ แต่ซับนรกแปลมาเลย ฉันเป็นฉี่มาก (งง..)

อีกสำนวนที่เกี่ยวกับอารมณ์โกรธ  He drives me nut!! เขาทำให้ฉันโมโหแล้ว .. เจอซับนรกเข้าไปแก้ใหม่ เขาขับรถฉันถั่ว (ตูไม่เข้าจายยย...) ช่วงนี้เห็นข่าวเครื่องบินตกบ่อย เวลาเครื่องบินกำลังอยู่ในเหตุการณ์อันตรายฉุกเฉิน เคยได้ยินในหนังไหมครับ กัปตันเครื่องจะพูดทางวิทยุว่า Mayday Mayday!!! อันนี้ซับนรกเห็นกับตามาแล้วครับ "วันหยุดแรงงาน วันหยุดแรงงาน!!" (แบบนี้เครื่องบินได้ตกแน่ๆ)


คราวนี้เราลองเปลี่ยนไปดูหนัง ตำรวจจับ ผู้ร้าย กันบ้างดีกว่า เห็นตำรวจขับรถตาม รถที่ทำผิดกฏ เขาจะให้จอดรถข้างทาง ทราบไหมครับจอดรถข้างทางนะเขาต้องใช้ว่าอะไร Park the car เหรอครับ (อ้อออดดดด....ผิดครับ) คำนั้นใช้เวลาเราจอดแบบจอดรถทิ้งเพื่อออกจากรถไปนานๆ แต่ถ้าจอดข้างทาง เราใช้ว่า Pull over the car เวลาตำรวจเรียกให้หยุด ก็จะบอกว่า Pull over!!! now!! ซับนรก: "ดึงขึ้น เดี๋ยวนี้" (ให้ผมดึงอะไรขึ้นคับจ่า..) ศัพท์ตำรวจอีกคำ เวลาเขาเอาปืนเล็งผู้ร้าย ตำรวจไทยจะพูดว่า "หยุด ยกมือขึ้น" ตำรวจฝรั่งเขาจะพูดว่า Freeze!!! I said Freeze!! ซับนรก: แช่แข็ง ฉันบอกว่าแช่แข็ง!!! อีกอันเคยเห็น Freeze, man!! sub narok: ผู้ชายแช่แข็ง!!! We got company อันนี้แปลได้หลายความหมายแล้วแต่สถานการณ์ ตรงความหมายจริงมันบอกว่าเรามีเพื่อนตามมา แต่ส่วนมากในหนังไล่ล่ากัน ไอ้ที่ตามหลังมันไม่ใช่เพื่อนอะดิ มีปืนไล่ยิงหลังมาด้วย แต่เขาใช้สำ นวนนี้ได้ เรามีคนตามหลังมา ซับนรก: เราได้บริษัทแล้ว I love all you guys ฉันรักพวกนายทุกคนเลย (ยังฟังได้ เพื่อนรักเพื่อน) ฉันรักคุณผู้ชายทุกคน (ไอ้นี่ มันเกย์นี่หว่า...) OK, say cheese, baby! พูดให้ยิ้มตอนจะถ่ายรูป โอเค พูดเนยแข็งสิลูก You can count on me คุณไว้ใจฉันได้เลย (สำนวน) คุณสามารถนับบนฉัน (จะนับอะไรบนตัวอะ) It's a piece of cake ง่ายๆ/กล้วยๆ/หมูๆ (สำนวนที่ต้องจำนะครับ) มันคือชิ้นขนมเค้ก หรือจะเปลี่ยนเป็นประโยควิปริตไปเลยก็ได้ Could you give me a ride? ขอฉันติดรถคุณหน่อยนะ (เป็นสำนวนครับ ท่องจำไว จะใช้ lift แทนคำว่า ride ก็ได้) เจอซับนรกแก้ให้ใหม่ "คุณให้ฉันขี่ได้ไหม" (เย้ยย ขี่กันทำไมอะ)


สานวนภาษาอังกฤษ "สมน้าหน้าแก"

มีคนสงสัยมาถามผมว่า เวลาเรา "สมน้าหน้า" ใคร เราจะพูดภาษาอังกฤษว่ายังไง เพราะคนไทยก็ติดปากว่า สมน้ำหน้าแก หรือ แกสมควรแล้ว แต่พอเห็นฝรั่งสมควรโดน อยากไดพูดว่าสมน้ำหน้ามันบ้าง ผมเอาสองสำนวนมาเสนอละกัน

ฝรั่งสมน้ำหน้าจะพูดว่า
It serves + คนที่โดนสมน้ำหน้า + right หรือ It serves + คนที่โดนสมน้ำหน้า + well

ตัวอย่างประโยค
She broke up with me เธอเลิกกับฉันแล้ว
It serves you right because you cheated on her first มึงสมควรแล้ว ก็ไปนอกใจเธอก่อนเอง

break up คือ เลิกคบ (สำหรับแฟนเลิก) นะครับ broke ในประโยคเป็นช่อง 2 อดีตกาล
cheat on คือ นอกใจ(แฟน) ปกติ cheat ก็แปลว่าโกงนะแหละแบบที่เราทำกันในห้องสอบ (บางคน) แต่ถ้าเติม on จะแปลว่า นอกใจ
คนที่สมควรได้รับ + deserve (s) + it.
ประโยคนี้นอกจากสมน้ำหน้า ก็ใช้ในการชมว่าคุณสมควรได้รับในด้านดีด้วยนะคับ
ตัวอย่างประโยค
I failed English exam again ฉันสอบตกภาษาอังกฤษอีกแล้ว


You deserve it because you went out drinking just the night before the exam แกก็สมควรอยู่หรอก ก็แกออกไปเที่ยวดื่มคืนก่อนสอบนี่หว่า (นึกถึงประโยคนี้เคยพูดกับเพื่อน พอดี)
แต่นอกจากสมน้ำหน้า เราก็ชมยกย่องคนได้ว่าเขาสมควรได้รับสิ่งนั้น เช่น

John got a raise จอนได้ขึ้นเงินเดือนแหนะ
Yeah, he deserves it เออ เขาก็สมควรได้อะนะ
a raise ตรงนี้ละไว้ในความหมายว่า เงินเดือนขึ้น นะครับ สั้นๆได้ความหมาย แต่ raise เป็นกริยาที่หมายถึงยกขึ้น เช่น raise you hand ยกมือขึ้น หรือ raise up ยืนขึ้น


สำนวนสั้นๆ ที่ขึ้นต้นด้วย Not

แต่ละสำนวนนี้ เป็นสำนวนที่ผมพยามคิดว่ามันมีอะไรบ้าง ที่ ขึ้นต้นด้วย No หรือ Not แต่ประโยคแต่ละคำใช้ในอารมณ์ต่างๆไม่เหมือนกัน (เนื้อหาวันนี้อาจจะง่าย หรือ จะ ยากไม่รู้นะ ผมเขียนให้คนอ่านหลายระดับ)
แล้วถามว่า No กับ Not มันต่างกันยังไง อย่างแรกก็เขียนไม่เหมือนกันไง (เปล่ากวนนะ)
ก็ Not เขาไว้นำหน้า Adjective คำคุณศัพท์, Adverb คำวิเศษณ์, และ กริยา verb แต่บางสำนวนเท่านั้นที่ Not จะไปแทนในสำนวน No ได้ ส่วน No เขานำหน้าคำนามนะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าไปสนใจมันให้ปวดหัวกันเลยดีกว่า แค่จำสำนวนไปใช้ให้ถูกก็พอ ไม่ต้องไปเจาะลึกรายละเอียดขนาดนั้นหรอก (แล้วเราจะบรรยายไปทำไมตั้งแต่แรก)

ประโยคสำนวนเก๋ๆที่ขึ้นต้นด้วย"NOT"
Not again! - โอ้ให้ตายเถอะ อีกแล้วหรือเนี่ย, อย่าให้มีอีกนะ เช่น (On the phone) Sorry I'm gonna be late Not again!! (เอาอีกแล้วหรือมึ- มาสายประจำเลย)
Not always - ก็ไม่เสมอไปหรอก เช่น Do you football everyday? Not always (แสดงว่ามันเล่นเกือบทุกวันจริง แต่ไม่ถึงขั้นทุกวัน ไม่งั้นไม่ใช้ประโยคนี้หรอกครับ)
Not anymore - ไม่อีกต่อไปแล้วละ เช่น Are you still seeing him? เธอยังคบเขาอยู่หรือเปล่า Not any more ไม่อีกต่อไปแล้ว (แสดงว่าเคยคบกัน)


Not at all - ไม่เป็นอะไรหรอก (ใช้ตอบคำขอบคุณ) เช่น Thank you for you help ขอบคุณนะที่ช่วย Not at all บ่เป็นหยังดอก (เต็มใจช่วย) Note: คำว่าไม่เป็นอะไรหรอก คนไทยเข้าใจผิดเป็น Never mind ความจริงคำๆนี้ถ้ามีใครพูด Never mind กับเรา แสดงว่าเขาไม่อยากให้เราทำ เพราะเกรงใจ หรือว่ารังเกียจคุณ (หรือแบบว่าไม่เชื่อใจเราว่าเราจำทำอะไรถูกใจ) คล้ายๆกะ"ช่างมันเถอะ ผมทำเอง(ยังจะดีกว่า) เช่น Would you mind mopping the floor for me? นี่ ช่วยถูพื้นให้หน่อยซิ Wait a minut เดี๋ยวนะ Never mind, Thank you ไม่เป็นไร (ทำเองก็ได้ว่ะ) ขอบคุณ (ฝรั่งไม่ลืมที่จะขอบคุณเสมอ)
Not bad - ไม่เลวนี่ (ใช้ได้ทีเดียว) แต่ผมสงสัย ทำไมไม่ตอบว่า good หรือ bad ไปเลยนะ ฟอร์มเยอะจัดตอบคำนี้แทน เช่น How do you like you new girlfriend? แฟนใหม่แกเป็นยังไงบ้างวะ Not bad ก็ไม่เลวหรอก (ใช้ได้)

Not to worry - ความหมายเดียวกับ Don't worry คือ ไม่ต้องห่วงหรอก เช่น I ran out of money ฉันเงินหมดแล้วนะ (คำนี้ไม่ได้แปลว่าฉันวิ่งหนีเงินนะ (มันเป็นสำนวน) วิ่งก็โง่ดิ) Not to worry, I've got some dough อย่าห่วงเลย ฉันยังพอมีเงินเหลือ dough เป็นคำแสลงแปลว่าเงิน ออกเสียงว่า โด ครับ
Not a hope - อย่าได้หวังไปเลย, ไม่มีหวังซะหรอก เช่น You think Pei will go out a date with me? นายคิดว่าเปูยจะไปเดทกับฉันไหมวะเพื่อน Not a hope, you are too far out of her leagueอย่าได้หวังเลย นายมันดอกฟูากับหมาวัดเลย
Not a word - อย่าบอกใครหละ เช่น Not a word. This is between you and me. อย่าบอกใครละ รู้กันแค่เฉพาะเราสองคนนะ Not to worry, I'll keep my mouth shut ไม่ต้องห่วง ฉันจะเก็บเป็นความลับเลย แต่ถ้าเป็น


Not another word - เงียบไปเลย ไม่ต้องพูดแล้ว ดูรายละเอียดจาก รวมสำนวนเก๋ๆ "เงียบเหอะน่า", "ไปให้พ้นเลยไป"
Not if I can help it - ถ้าช่วยได้ ก็จะทำหรอก Don't you argue with me. I'm your boss อย่ามาเถียงฉันนะ ฉันเป็นนายแก Not if I can help it เออถ้าทำได้ ก็ไม่อยากเถียงหรอก อธิบายให้น้อง silly เพิ่มเติม คำนี้เขาใช้เมื่อแบบว่า ทำตามคนที่พูดอีกคนไม่ได้ ประมาณว่าเถียง ไม่เห็นด้วย
Not in so many word - ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก Paula is very beautiful and charming พอลล่าเธอสวยและก็มีเสน่ห์มากเลย Not in so many word. But she sure is cute ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า แต่เธอก็น่ารักอยู่
Not likely - คงยากเอาการ, ไม่มีทางหรอก You think you can get an A in your math? เธอว่าเธอจะได้เอวิชาเลขปุะ Not likely คงไม่มีทางหรอก
Not so fast - ช้าก่อน, เดี๋ยว (อย่าเพิ่งลำพอง ฉันมีเด็ดกว่าแก) So the winner is....... ผู้ชนะได้แก่ Not so fast, I have a proof that he was cheating ช้าก่อน ข้ามีหลักฐานว่ามันโกง
Not for love nor money - จ้างให้ก็ไม่ทำให้หรอก Could you help me carry this? เธอช่วยถืงถุงให้ฉันได้ไหม Not for love nor money เรื่องไรละจ้างให้ก็ไม่ทำหรอก
Not a chance (จากคุณ Oatato) - ไม่มีทางหรอก, ไม่มีวันเกิดขึ้นหรอก Do you think you can finish this report by tomorrow? เธอคิดว่าเธอจะทำรายงานนี้เสร็จวันพรุ่งนี้หรือเปล่า Not a chance. I will be very busy tomorrow ไม่มีทางหรอก พรุ่งนี้ฉันยุ่งมาก
สำนวนนี้ขอปิดเป็นสำนวนสุดท้ายของ Not ละกัน ความจริงยังมีอีกหลายคำ แต่เขียนไปชักเพลินและเริ่มยาว กลัวคนอ่านได้เบื่อกันไปก่อน ครั้งหน้าจะเป็นสำนวนที่ขึ้นต้นด้วย No แล้วกัน


สานวนสั้นๆ ที่ขึ้นต้นด้วย No

เป็นอันรู้กันว่า No แปลว่าไม่ ก็ย่อมป็นคำปฎิเสธเป็นธรรมดา แต่เมื่อใช้เป็นสำนวนพูด ความหมายของมันก็มีหลากหลาย ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นปฏิเสธเสมอไป และหลักของการใช้ No ก็คือวางอยู่หน้าคำนามทั้งหลาย เป็นการบอกว่าไม่มี เช่น No dog - ไม่มีหมา แต่ต่อไปข้างล่างจะเป็นสำนวนพูด เวลาพูดต้องออกอารมณ์ใส่นิดสนึง จะฟังเก๋มาก
ประโยคสำนวนเก๋ๆที่ขึ้นต้นด้วย"NO"
No problem! - ไม่มีปัญหา คำนี้คงไม่ต้องอธิบายมาก เพราะเราได้ยินกันบ๊อยบ่อยแล้ว แต่ขอร้องเถอะ อย่าไปออกเสียงว่า โนพรอมแพรม เลยครับ ฝรั่งไม่เก็ท
No need! - ไม่จำเป็นหรอก เช่น Do we have to do this? เราจำเป็นต้องทำนี่หรือเปล่า? No need! ไม่จำเป็นต้อทำหรอก
No sweat! - โอ้ยง่ายจะตาย, สบายๆหมูๆ เช่น Can you repair the radio? เธอซ่อมวิทยุเป็นไหม? No sweat! โธ่เอ้ย เรื่องกล้วยๆ Note: sweat แปลว่าเหงื่อออก ในนี้ก็คล้ายๆ ง่ายๆ เหงื่อยังไม่ทันจะออกเลย และขอแถมสำนวนที่ควรต้องรู้อีกคำหนึ่งที่แปลว่าง่ายๆ อีกคำหนึ่ง นั่นคือ a piece of cake. ไว้มีโอกาสหน้าจะอธิบายเพิ่มเติมครับที่มาของคำนี้
No way! - ไม่มีวันซะหรอก ใช้ตอบปฏิเสทอย่างหนักแน่นไปเลยครับ ว่า ไม่มีทาง ขอแถมอีกหนึ่งคำที่หาในดิคไม่ได้ นั่นคือ Hell no!! คำนี้หนักแน่นมากกว่า No way! ซะอีกครับ

No chance! - ไม่มีโอกาสหรอก คำนี้ความหมายเหมือน Not a chance ในเอนทรี่ที่แล้วเลยครับ แค่มี a เพิ่มตัวเดียว ก็ต้องเปลี่ยน No เป็น Not ซะแล้ว จำกันให้คุ้นเคยเลยนะ
No doubt! - ไม่ต้องสงสัยเลย (ของมันแน่อยู่แล้ว) ชื่อเดียวกับวงดนตรีเก่าของ Gwen Stefani เลย เช่น That guy is hooking up with hot chick! เจ้าหมอนั่นได้ควงสาวสวยๆชะมัดเลยว่ะ No doubt! Look at his ride, man. It's ferrari. ของมันแน่ดิ ดูรถมันดิ เฟอร์รารี่นะเว้ย Note: ตัวอย่างนี้แอบแฝงแสลงเพียบเลย guy-ผู้ชาย, hook up-ควงสาว/หนุ่ม, hot-ร้อนแรง, chick-ผู้หญิง, ride-รถ
No trouble! - ไม่เดือดร้อนเลย, ไม่เลย เช่น I would like you to baby-sitting my kids ฉันต้องการให้เธอช่วยดูแลลูกๆฉันหน่อยได้ไหม No trouble! บ่มีปัญหาค่ะ คุ๊นหนาย~ ใช้เมื่อคนอื่นขอให้เราช่วยทำอะไร เรายินดีที่จะช่วยครับ
No wonder! - ไม่แปลกใจเลย จะพูดว่า No surprise ก็ได้ครับ She looks upset หล่อนดูหงอยๆจังเลย No wonder, she just broke up with her boyfriend ไม่แปลกใจเลย เธอเพิ่งเลิกกับแฟนเธอมา
No kidding - ล่อเล่นหน่า, อย่าล้อเล่นนะเฟูย, จิงอะ เช่น Tom and Lucy are going to marry next month ทอมกับลูซี่กำลังจะแต่งงานเดือนหน้าแล้ว No kidding! They have been seeing each other for only a week ล่อเล่นหน่า พวกเขาเพิ่งคบกันแค่อาทิตย์เดียวเองนะ

ขอแถมอีกแบบที่หยาบหน่อย


No shit! - บ้าหน่า ใช้เหมือน No kidding ได้ครับ แต่อันนี้ออกแนวสบถแบบอเมริกัน หยาบๆหน่อย
No can do - ฉันทำไม่เป็น, ทำไม่ได้ ใช้ปฏิเสธเวลาคนใช้ให้ทำอะไรเพราะเราทำไม่เป็นหรือทำไมได้ เช่น Could you give me a ride to school tomorrow? เธอช่วยขับรถไปส่งฉันที่โรงเรียนพรุ่งนี้หน่อยนะ No can do! my car broke down. ไม่ได้หรอก รถฉันเสีย
No comment - ไม่ขอออกความเห็น คำนี้ได้ยินกันบ่อยอยู่แล้วละ แต่ใครเข้าเอนทรี่นี้มา อย่าตอบผมด้วยคำนี้นะ มีเคือง
ขอจบก่อนดีกว่า สำนวนทั้ง Not และ No ที่เขียนไปทั้งหมดนะ ไม่ได้มีแค่นี้หรอกครับ ผมมีสำนวนระดับยากกว่านี้อีกหลายเท่า แบบที่คุณอาจจะไม่เคยได้ยินเลยหละ แต่เกรงว่าจะยากไป เลยคัดมาเฉพาะที่เราน่าจะได้ยินกันบ่อยๆมา ก่อนจบขอแถมประโยคที่ไอ้พวกเพื่อนมะกันผมมันชอบพูดหน่อยดีมะ ออกจะหยาบหรือเปล่าไม่รู้ แค่นำมาเสนอให้ได้รู้จักกัน
No money, No honey ขออุบอิบความหมายไว้ก่อน ใครเข้าใจลองตอบผมมาในคอมเมนท์นะ (แต่ไม่มีรางวัลนะ อิอิ)

ขอเพิ่มเติมไม่รู้ลืมคำนี้ได้ไง
No Big Deal - เรื่องเล็กน่า, ไม่เป็นไรหรอก คำนี้เป็นแสลงครับใช้บ่อย เช่น Thank you for your help ขอบคุณที่ช่วยเหลือค่ะ No Big Deal! เรื่องเล็กครับ


สำนวนหมาๆ

เจ้ากรรม เห็นชื่อเอนทรี่วันนี้ ไม่ได้จะเอาคำด่ามาเขียนนะ แต่สำนวนหมาๆ ผมหมายถึงสำนวนภาษาอังกฤษที่เขา เล่นกับคำศัพท์ว่า "DOG"
แต่ธุรกิจของผมคู่แข่งมันก็เยอะ ต้องแข่งขันกันสูงเพื่อแย่งลูกค้า ในภาษาฝรั่ง เขาเรียกว่า a dog-eat-dog business ครับ ไม่ใช่ธุรกิจที่เอาหมามากินกันเองนะ แต่หมายถึงธุรกิจที่ต้องแก่งแย่งกัน ถ้าฝุายไหนได้ดี อีกฝุายก็มีผลกระทบเหมือนกัน นอกจากนี้ Dog eat dog ยังหมายถึง การเหยียบบ่าผู้อื่นเพื่อให้ตัวเองก้าวหน้าด้วย

แต่ คนเราก็ต้องดิ้นรน จริงไหมครับ ผมเองก็ต้องอยู่รอด ถึงแม้ว่าจะลำบากช่วงแรกๆ
แต่ก็นะที่เขาบอกว่า Every dog has its own day แม้แต่หมาก็มีวันของมัน สำนวนนี้หมายถึง ไม่ว่าใครก็ต้องมีโชคหรือทุกข์กันทั้งนั้น เป็นเรื่องธรรมดา
ฉะนั้นตัวผมเองก็ต้องพยายาม ชีวิตของผมจะได้ไม่ต้องเป็น a dog's life
a dog's life ฝรั่งไปเปรียบเป็น ชีวิตที่ไม่มีความสุข มีแต่ความทุกข์ไม่รู้ทำไม แต่ผมว่าหมาหลายตัวยังมีความสุขกว่ามนุษย์ตั้งหลายคนซะอีก It's a dog life being a cab driver. ช่างเป็นชีวิตที่ไม่มีความสุขเลยที่เป็นคนขับแท๊กซี่
(สมมตินะครับ ไม่ได้มีอคติอะไรกับคนขับ)เดี๋ยวจะโดนคนเข้ามาหาเรื่อง เพราะเผลอแกว่งเท้าหาเสี้ยน
โอ้.. ไอ้หลีกเลี่ยงแกว่งเท้าหาเสี้ยน ไม่หาเรื่องเดือดร้อนเข้าตัวเนี่ย ฝรั่งเขาก็มีสำนวนหนึ่งนะครับ ว่า
Let sleeping dogs lie ถ้าตรงๆตัวก็แปลว่าปล่อยให้หมาที่กำลังหลับอยู่ หลับต่อไป (อย่าให้มันตื่นหละ เดี๋ยวมันเข้ามาเลีย) ตัวอย่างประโยค
I wanted to ask her what she thought of her ex-husband, but I figured it was better to let sleeping dogs lie. ฉันอยากจะถามเธอว่าเธอคิดยังไงกับสามีเก่าเธอ แต่ฉันมาคิดอีกทีว่า ฉันไม่ควรหาเหามาใส่หัวจะดีกว่า
อย่างที่บอก ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมฝรั่ง เอา หมา มาแทนความรันทดหดหู่ด้วย เพราะยังมีอีกหลายสำนวนหมาๆที่พูดๆกัน ในลักษณะเรื่องแย่ๆ
treat somone like a dog คือการปฏิบัติต่อผู้อื่นในทางแย่มากๆ เช่น The prison guards treated prisoner like dogs ผู้คุมนักโทษปฏิบัติต่อนักโทษแย่มาก
และ dog ยังแสดงถึงความผิดหวังได้อีก เช่น Last night, the party was a real dog. เมื่อคืนนี้ งานเลี้ยงน่าผิดหวังมากๆ
หรือใครจำได้ไหม ว่าผมเคยเขียนภาษาจากหนัง เรื่อง Under Dog และมีคนถามผมมาว่า Under dog มันแปลว่าอะไร ความจริงมันก็มีความหมายนะครับ แต่ผมไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวกับชื่อหนังเรื่องนี้จริงๆหรือเปล่า เพราะว่า แปลว่าคนที่เสียเปรียบ หรืออยู่ในฐานะเสียเปรียบอยู่ ส่วนคนที่ได้เปรียบเขาก็เรียกว่า Top dog คือหมาที่ยืนคร่อม under dog อีกตัว
และในหนังเรื่อง Under dog เอง ผมก็เคยเขียนคำว่า Dog barks, no bite ด้วย หรือจะบอกว่า Barking dog don't bite ก็ได้ หมาเห่าไม่กัด คือดีแต่พูดแต่ไม่กล้าจริง
อีกสำนวนหนึ่ง หลายคนคงเคยได้ยิน Love me love my dog รักฉันแล้วต้องรักหมาฉันด้วย เขาหมายถึงเวลาบอกคนรักของคุณว่า ถ้าจะรักเขา ต้องยอมรับสิ่งที่เขาเป็น ไม่ว่าข้อเสียข้อด้อย ด้วยครับ
เรื่องหมาๆ ยังเอาไปพูดถึงเรื่องการแต่งตัวก็ได้ครับ Like a dog's dinner คำนี้เขาหมายถึงคนที่แต่งตัว แบบตัวเองคิดว่าสวยโก้เลิศหรู แต่ในสายตาคนอื่นเขามองว่างี่เง่าครับ เห็นบ่อยเวลามีดาราออกงาน แล้วคนชอบซุบซิฐนินทาเกี่ยวกับเรื่องการแต่งตัวมากๆ
ขอแถมอีกสำนวนที่ว่าไม่เขียนก็คงไม่ได้ นั่นคือ You can't teach an old dog new tricks. อันนี้หมายถึงคนที่หัวโบราณ ไม่ยอมรับอะไรใหม่ๆ หรือรับได้ยาก เราจะไปสอนเขา เขาก็รับอะไรยากมาก
สำนวนไทยที่คล้ายกับฝรั่งก็มีอีกคำว่า หมาหวงก้าง คือพวกที่ไม่ชอบ หรือยอมให้คนอื่นมีความสุข หรือได้รับอะไรดีๆ (ทั้งที่ตัวเองก็ไ ม่ได้อะไรดีด้วย) ฝรั่งเขาก็เรียกคนแบบนี้ว่า A dog in the manger
นอกจากสำนวน ผมขอพูดถึงแสลงหมาๆบ้าง
a jolly dog คือ คนที่มีความสุข
a sad dog คือ คนที่หลงระเริง และหมายถึง คนที่ก่อความเดือดร้อนไปทั่วด้วย
a sly dog คำนี้ คือ คนที่ชอบแอบออกไปเที่ยวผู้หญิงลับๆล่อๆ (เอาไว้ใช้ด่าไอ้พวกที่แอบออกไปเที่ยวหญิงได้เลยครับ คำนี้)
a dumb dog คือ คนที่เงียบ ไม่พูดไม่จา ในระหว่างประชุม หรือเขากำลังนั่งถกเถียงกัน เรียกได้ว่า มึงมานั่งทำไมฟะ ไม่ออกความเห็นเลย
a lucky dog คือ คนที่โชคดี
dog sleep คือ คนที่นอนๆ แล้วชอบผวาตื่น
dog day คือ วันที่ร้อนจัดสุดของปี (ถ้าเป็นเมืองไทย คงไม่แน่ใจว่าวันไหน แม่งร้อนสุดๆทุกวัน)
หรือคนอ่านหนังสือหลายคน คงชอบพับมุมหน้าหนังสือที่เราจะคั่น ไอ้หน้าที่เราพับคั่นหนังสือ เขาเรียกหน้าตรงนั้นว่า Dog-eared
และนอกจากคำนามแสลงที่ผมบอกไว้ คำว่า dog ยังเป็น verb ได้อีกด้วย แปลว่า ไล่หลัง หรือ ติดตาม ส่วนมากพูดถึงเรื่องไม่ดีที่ติดตามเราอยู่ เช่น We were dogged by bad luck through-out the journey เราถูกรุมเร้าด้วยความโชคร้ายตลอดการเดินทาง
เพิ่งเติมโดยคุณเจ้าชายน้อยอีกสองสำนวนนะครับ Dog fight ที่แปลว่า การบินสู้รบกัน ของเครื่องบินขับไล่ เพื่อยิงให้อีกลำตกให้ได้ครับ พอเห็นคำนี้ ผมเลยนึกถึงคำว่า Cat Fight อีกคำเลย แปลว่า ผู้หญิงตบตีกัน

อีกวลี raining cats and dogs แปลว่าฝนตกแบบไม่ลืมหูลืมตา ฝรั่งเขาใช้สำนวนหมาแมวแทน คนไทยเราใช้หูกับตา อย่าถามผมว่าทำไมนะ เพราะผมไม่รู้
วันนี้ขอจบสำนวนหมาๆเพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่ หลังผมผ่านช่วงยุ่งๆ อีกทีนะครับ

แสลง Hip Hop 1

ต้องยอมรับเลยว่า เพลง แนวฮิปฮอปนั้น เนื้อหามักหนีไม่พ้นถึงเรื่อง ผู้หญิง แกงค์ เงิน ความร่ำรวย ปืน เหล้า หรืออะไรประมาณนี้
มาลองดูเรื่องเงินๆทองๆก่อน
Ice แปลว่า เพชร ในแสลงฮิปฮอป C-R-E-A-M แปลว่า เงิน ย่อมาจากคำว่า Cash Rule Everything Around Me Baller หมายถึง คนร่ำรวย ใช้เงินฟุุมเฟือย Bling Bling หมายถึง เงินทอง เครื่องประดับ Paper Cake Cheddar/Cheeze พวกนี้เป็นแสลง มีความหมายว่าเงินทั้งหมด นอกจากนี้เรื่องเงินๆ ยังมีแสลงอีกเยอะที่ไม่จำเป็นต้องพูดในแนวฮิปฮอปเสมอไป แต่ก็ใช้กันเป็นจำนวนมาก และควรรู้ไว้บ้าง เช่นคำว่า Dough (อ่านว่า โด) หรือ หน่วยเงินในอเมริกา นอกจากคำว่า Dollar เขายังนิยมใช้คำว่า Buck กันอย่างกว้างขวาง เช่น 1 buck, 2 buck
หรือคำแทนหน่วย $1,000 อเมริกันชน เขาจะใช้คำว่า 1 Grand ก็ได้ ถ้า 3 Grand ก็แปลว่า 3 พันครับ หรือถ้า ดูในหนังปล้นแบงค์ คุณอาจได้ยินคำว่า Benjamins นั่นเขาก็หมายถึง แบงค์ $100 ที่มีรูปของ Benjamin Flanklin อยู่บนธนบัตรก็มี
ขอผ่านเรื่องเงิน มาดูคาแสลงว่า แฟน หรือผู้หญิงบ้าง
เพลง My Boo ของนักร้อง Usher คำว่า Boo ก็เป็นแสลงแปลว่า แฟน จะหญิงหรือชายก็ได้ ตัวอย่างคำว่า Boo อีกแห่งเช่น เพลง Dilemma ของ Nelly หรือจะเป็น Bubu ที่ย่อมาจาก baby ก็มี
อีกคำที่นักฟังเพลงทั้งหลายได้ยินบ่อยๆ ก็มีคำว่า Shawty หรือสะกด Shorty (ชอร์ตี้) ซึ่งแปลว่าผู้หญิง ถ้าคิดว่าไม่เคยได้ยิน ลองไปเปิดเพลง In da club ของ 50 Cent หรือ เพลงอื่นๆหลายเพลงก็มีให้ได้ยินบ่อยแน่
Breezie บรีสซี่ ก็เป็นอีกแสลงที่ หมายถึงผู้หญิง ในภาษาฮิปฮอปนะครับ


คำแสลงที่หมายถึงผู้หญิงที่ใช้กันกว้างขวาง ไม่ต้องแนว ก็ยังมีคำว่า Chick อีกเช่นกัน ไม่ได้หมายถึงไก่นะครับ
คาศัพท์เรื่องเหล้า สุราก็มี เช่น เพลงของ Daddy Yankee เพลง Gasolina คาว่า Gassoline ก็เป็นแสลงที่แปลว่าเหล้าเช่นกันครับ อีกคำที่เป็นแสลงทั่วๆไป และนิยมใช้แทนคำว่าเหล้า ก็คือคำว่า Booze
สานวนพูดติดปาก หากคุณอยากทาตัวเป็นเด็กฮิปฮอป
ก่อนอื่นคุณต้องเปลี่ยนสำเนียงการพูดซักเล็กน้อย ไม่ว่าเวลาทักเพื่อน หรือสนทนา ไม่ใช่ "ซับโหยๆ" นะ พูดแบบนั้นคนพูดดูเช้ยเชยไปเลย ไม่ใช่เด็กแนวจริงอย่าพูดเลย เพราะเขาไม่ได้พูดกัน เวลาชาวแกงค์จะทักกัน แค่ Sup คำเดียว หรือ Yo คำเดียว ก็พอแล้ว ไม่ต้องเอาไปต่อกัน
Keep it real คำนี้ก็เป็นคำติดปากของเด็กฮิปฮอปครับ ใช้พูดถึงแสดงความจริงใจ
หรือจะชมว่า อะไรดี หรือ ดีมาก แค่คำว่า That's good มันไม่แนวพอครับ เปลี่ยนมาใช้ว่า That's bangin' (แบงงิ่ง) หรือ That's off the hook จะแนวกว่าเยอะ หรือบางทีก็ว่า That's dope หรือ That's phat ก็ได้
แต่จะติว่าอะไรห่วยหละ เขาก็ใช้คำว่า Whack ครับ เช่น That car is whack รถคันนั้นโกโรโกโสจังเลย
จะชมว่าใคร เท่ห์ เก๋ สมัยนี้เขาก็คำใหม่ว่า Fly แล้วครับ ความหมายเหมือนคำว่า Hot ดูตัวอย่างจากเพลง This is why I'm hot ของ Mims ที่ผมเคยเขียนแปลไว้สิ

Fo sho หรือ Fo shizzle ก็เป็นอีกคำที่ติดปากเด็กแนวครับ คำนี้ติดมาจากนักร้องฮิปฮอป Snoop Dogg ซึ่งย่อมาจากคำว่า For sure ใช้เวลาพูดว่า ได้เลย หรือ ตกลง
Fo rizzle ก็มาจากที่มาเดียวกัน แต่คราวนี้ ย่อมาจาก For real ใช้ในการตอบว่า ใช่
เอาหละ วันนี้มีเวลามาเขียนแค่นี้แหละ จะถามว่า Do you know what i mean? ก็ยังไม่แนวพอ เด็กฮิปฮอปเขาจะพูดว่า Nah mean? หรือ Naw' mean?
จบแล้วจะกล่าวลาแบบฮิปฮอป ก็ไม่ bye ครับ
แต่เป็น PEACE!

ภาษาวัยรุ่นอเมริกันเมื่อเห็นด้วย

1
ไม่รู้ว่ามันมีที่มาจากไหนนะ แต่เดี๋ยวนี้ผมก็ติดตามวัยรุ่นฝรั่งเขาอยู่บ้างว่า เด็ก(มะกัน) สมัยนี้ มันเป็นยังไงบ้าง
เพราะเด็กพวกนี้ก็มีแสลงของพวกเขามาใหม่ๆ
แล้ว แหม ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเพลงไทยก็ใส่คำพวกนี้มาด้วย เพราะเมื่อเช้าได้ยินเพลงไทยเพลงหนึ่ง ผมไม่รู้ชื่อเพลง และไม่แน่ใจว่านักร้องคือใคร ใช่ เฟย์ฟางแก้ว อะไรกลุ่มนั้นหรือเปล่าไม่รู้ ใครรู้ยืนยันให้ด้วย
เห็นมีเสียงร้อง เป็นแบคกราวด์อยู่คำหนึ่ง เวิ้ด ๆ ๆ.. อยู่นั่น
ไม่รู้เขาหมายถึง Word คำนี้หรือเปล่า
นั่นแหละ Word ที่แปลว่าคำ หรือ คำพูดนั่นแหละ
+---------------------------------------------+
2
ผมคิดว่าวัยรุ่นพวกนี้ มันไปวิบัติภาษา มาจากคำว่า What's up? กลายเป็น Word up?
แล้วต่อมาก็ใช้แปลว่า Yes หรือ Really แทนได้ด้วย
คนอ่าน: Word?
จริงเหรอ
จขบ: Word.
จริงครับ
+---------------------------------------------+
3
นอกจากนี้ คิดว่าวัยรุ่นที่เก่งภาษาฮิพฮอพหลายคน คงจะรู้จักคำๆนี้กันอยู่แล้ว คือคำว่า
Fo shizzle (โฟ ชี้ส- เซิ้ล)
กับ
Fo rizzle
คำๆนี้ ก็มาจาก แสลงแบบวัยรุ่นอีกที จากคำว่า
For sure กับ For real..
ทั้งหมดนั่น ใช้แทนคำว่า Really? หรือ Yes ได้หมดเลยครับ
ถ้าให้เพิ่มความแนวๆ มันมีคำพ้องเสียงที่ใช้แทนคำว่า เพื่อน หรือ เกลอ ด้วยคำว่า Dizzle อีกครับ
เช่น
Fo shizzle, ma dizzle
แน่นอนเลยเพื่อน
+---------------------------------------------+
4
เสริมได้อีก คำนี้ผมก็ได้ยินจากเพลง Dilemma ของ Nelly
คือคำว่า Fo sho
อ่านว่า โฟ โช
ย่อมาจาก For sure ซึ่งก็แปลว่า ใช่ และ จริง เหมือนกัน
+---------------------------------------------+
5
สมัยก่อน ผมก็อยากทำตัวเหมือนเป็นวัยรุ่นกับเขาเหมือนกันนะครับ
เวลา จะพูดว่า OK โอเค
มันอาจไม่แนวเท่าไหร่
ผมเลยติดพูดคำว่า
Aight
แทน เป็นการรวมคำว่า All right มาให้กลายเป็นพยางค์เดียวแบบนี้ มันจะ แนวๆ สำหรับวัยรุ่นเลย
+---------------------------------------------+
6
เขียนเอนทรี่ ก็หวนรำลึกเมื่อสมัยเป็นนศ.เอแบค ชอบโดนครูภาษาอังกฤษคนหนึ่ง ติประจำ ไม่ให้พูดว่า Yep หรือ Yup และ Yeah แทนคำว่า Yes หรือ Nope, Nye แทนคำว่า No
ครูแก จะหันมาเน้น บอกให้พูด Yes และ No ให้ถูกต้องด้วย
ครูคนอื่นไม่เห็นเรื่องมากแบบแกเลย
จริงไหม?
Word?
อย่าให้เหลือเลยนะ
ช่วงนี้ สมองตื้อนิดๆ แบบว่าเริ่มหัดเขียนบลอคให้สั้นๆ เลยคิดไม่ค่อยออก (เพราะปกติจะอัพบลอคนี้ มันต้องยาวและเนื้อหาแน่นให้สะใจ) แต่ก็สัญญาไว้แล้วว่า ทั้งเดือน June นี้ จะอัพแบบสั้นๆทุกวันเลย
และเมื่อคิดไม่ออก ว่าจะเขียนอะไร ก็หยิบดีวีดีมาดูหนังซักเรื่องเลยครับ
เดี๋ยวประโยคเด็ดๆ ก็เข้าหูเอง
กำลังดูหนังซีรีส์เรื่อง Heroes อยู่ แบบชอบมาก มันส์มากมาย
มีตอนหนึ่ง กำลังจะตามล่า พวกมีพลังพิเศษในหนังครับ
ผู้บังคับบัญชาการ สั่งลูกน้อง ด้วยประโยคที่ได้ยินบ่อยมาก เวลาดูหนังสงครามประมาณนั้น ว่า
"Take no prisoners"
โอ้ โชว์ความเด็ดขาดของผู้นำ ให้ลูกน้องเห็นว่า กูโหดเหี้ยมแค่ไหน ทำอะไรไม่มี Mercy ปราณีใครเว้ย
ฆ่าพวกมันให้ตายให้หมด อย่าให้เหลือเลยนะ
เพราะเราไม่เอา Prisoners หรือ เชลยซักคน ขอให้มันตายให้หมดเลย
สำนวนมันดูขลึม ยิ่งกว่าเห็นคำสั่งว่า Kill'em all หรือ Kill them all ซะอีก
แต่คำๆนี้ไม่ได้มีเฉพาะในสถานการณ์แบบสงครามเสมอไป
เพราะมันแปลความหมายเปรียบเทียบว่าเป็นคนแบบเข้มงวด ไม่มีปราณีสงสาร ใจอ่อนกับใครก็ได้
เช่น
The new principal of the school is the kind of take no prisoners. If he says that he will suspend any student who plays truant then he will do just that
คุณครูใหญ่คนใหม่ของโรงเรียน เป็นคนเข้มงวดมากๆ ถ้าเขาบอกว่าจะระงับการเรียนนักเรียนคนใดก็ตามที่จาดเรียนบ่อยๆ เขาก็จะทำตามนั้นแหละ
truant คือการขาดเรียนเป็นประจำ


แอบเปิ้ล-มะละกอ-กล้วย-ส้ม
ระหว่างขับรถไปส่งแฟนทำงาน ตอนเช้า ผมก็ได้ฟังเพลง Right now ของ Akon
ที่ได้ยินบ่อยมากเหลือเกิน และประโยคหนึ่งมันก็เตะหูผมบ่อยด้วย เพราะหลายครั้งที่นั่งในรถกับแฟน แล้วได้ยินเพลงนี้ ผมก็มักสอนคำเด็ดๆจากเพลงนี้แหละ
แต่เพลงนี้ก็ร้องแต่
I wanna make up right now na na..
make up นี้แปลว่าแก้ตัวนะครับ
(อยากจะบอกว่าเวลาได้ยินเพลงนี้ ผมมักฟังเพี้ยนเป็น I wanna make love right now อยู่ดี)
และที่เตะหูบ่อยๆ ก็ตรงประโยคหนึ่งที่ร้อง
" You are the apple of my eye "
ผมชอบคำๆนี้นะครับ คงจะงงว่ามันคืออะไร เป็นแอปเปิ้ล ของตาฉัน คำนี้เป็นคำที่น่าจำ และรู้ไว้ครับ
ในการหมายถึง คนโปรด
อย่างเช่น
I love all my dogs but the smallest is the apple of my eye.
ผมรักน้องหมาผมทุกตัว แต่ตัวเล็กสุดเป็นตัวโปรดของผม
แต่นาย Akon เอามาบอกว่าคนรัก เป็น apple of his eye แบบนี้ แสดงว่าคงจะกิ๊กเยอะไม่เบาละสิ แล้วทำมาเป็นร้องเพลงอ้างแก้ตัวว่าเธอเป็นคนโปรดอีกเหรอ
--------------------------------------------------
คำว่า Apple
ก็เป็นแสลงแทน เมือง New York ของอเมริกาได้ด้วยนะครับ
หรือเขาก็เรียกเต็มๆว่า The Big Apple
และยังมี The Big Orage อีก หมายถึง รัฐของผู้ว่าร่างใหญ่ตำนานคนเหล็ก ด้วย
Orange ยังเป็นสี ที่เขาเอาไปเปรียเทียบ คนที่ไปทำผิวแทนเกินไปด้วย
-------------------------------------------------


ตบท้ายด้วยแสลงอีกคำเกี่ยวกับกล้วยครับ ผมไม่รู้ว่าประเทศอื่นที่ไม่ใช่อเมริกา จะเข้าใจไหมนะ
Banana นอกจากเป็นกล้วย ที่ภายนอกเหลือง แต่ข้างในขาว
มันเลยเป็นคำเรียก คนที่ภายนอกเป็นคนเอเชีย แต่เกิดหรือโตในอเมริกา จนนิสัยและการพูดทุกอย่าง เป็นคนขาว ไม่ได้เป็นเอเชียในจิตใจ
ตัวอย่างคือพี่สาวแท้ๆของผมเลยครับ
พี่สาวผมเพิ่งกลับมาเมืองไทยเมื่อสองวันก่อนละ มาเพื่อมางานแต่งงานของญาติผมครับ
ตอนแกมา แกไม่รู้จักสนามบินสุวรรณภูมิเลย แกนึกว่าที่นี่คือดอนเมือง
และเวลาคุยกัน แกชอบพูดภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทย เพราะแกไม่ได้อยู่เมืองไทยมาประมาณ 15 ปีแล้วครับ
She's a BANANA!!!
Better…
บลอคนี้ จะช่วยเขียนเรื่องสั้นๆ เอาสาระกลับบ้านไปเร็วๆ แบบ 30 วัน 30 เรื่องสั้นละกัน
I'd BETTER write short entries from now on...
1
ครั้งหนึ่งผมดูหนังเรื่องอะไรไม่ทราบ จำไม่ได้ (แล้วจะเกริ่นมาทำไม) ได้ยินคำศัพท์น่าสนใจมากๆคำหนึ่ง เมื่อเขาถูกเพื่อนชวนไปกินเหล้า
เขาตอบว่า "Thanks for invitation. I'll ask my better half."
จากข้างบน ผู้อ่านรู้ไหมว่าเขาสื่ออะไรกับเพื่อน ผมว่าถ้าผมเป็นเพื่อนสนิทมัน ผมคงล้อมันต่อว่า "ไอ้กลัวเมีย นี่หว่า" (เอ้ะ.. รู้สึกเหมือนกูพูดกับกระจก!?)
ใช่แล้ว Better half มันแปลว่า ภรรเมีย นี่เอง
แต่ไม่รู้ ไม่ได้แปลว่าเชย เพราะมันเป็นศัพท์โคตรเก่าตั้งแต่ยุคโรมันนู่น (อ้าว ไม่ได้หมายถึงอายุตูนะเฟูย!)
----------------------------------------------------------
2
พูดถึงคำว่า better มันยังคงนึกถึงสำนวนได้อีกสำนวน
better late than never...
(ในหัวผม มีเพลงของพี่มอสวิ่งเข้ามาในสมองเลย "มาแล้วยังดีกว่ามาช้า~ ....มาช้า~... ยังดีกว่าไม่มา~ (เออ กูรู้แล้ว ไม่ต้องมาด่าว่ากูแก่) )
แต่ก็จำไว้เถอะว่า ฝรั่งยังไงเขาก็ถือ เรื่องตรงต่อเวลา จำไว้ให้ดี ไม่ต้องมาอ้าง
ฉะนั้น " better late than never, but better never late!! "
-----------------------------------------------
3
You'd better go back and check that you locked your car. Better safe than sorry.
คุ้นหูดีอยู่แล้ว "ปลอดภัยไว้ก่อน" ควรเป็นคติ ที่ไม่ต้องประจำใจใคร แต่ก็ควรฝังหัวให้ลึกไว้ซะ
38
อังกฤษผิดๆที่ติดปากคนไทย
ตัวอย่างภาษาอังกฤษแบบผิดๆ ที่ฮิตติดปากคนไทย
ในปัจจุบันมีคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษที่คนไทยใช้กันจนติดปากอยู่ มากมาย แต่ก็มีอยู่หลายคำเช่นกัน ที่คนไทยนึกว่าเป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ แบบที่เราใช้ติดปากเหมือนกัน ฝรั่งเค้าไม่ได้ใช้อย่างที่ เราพูดกันแบบที่เราได้ยินกันบ่อยๆ
1. อินเทรนด์ (in trend) คำนี้อินเทรนด์มากๆ เอ๊ย...ฮิตมากๆ สามารถได้ยินทั่วไป เพราะใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง เช่น เด็กสมัยนี้ถ้าจะให้อินเทรนด์ต้องตามแฟชั่นเกาหลี
ซึ่งบางทีเวลาต้องการพูดว่า "มันทันสมัย" อาจจะติดปากว่า "It is in trend." คำว่า "ทันสมัย" ฝรั่งเค้าไม่ใช้คำว่า "in trend" อย่างคนไทยหรอกครับ เค้าจะใช้คำว่า "trendy" หรือ "fashionable" ซึ่งเป็นคำคุณศัพท์ที่สามารถวางไว้หน้าคำนามที่ต้องการขยาย
เช่น a trendy haircut ทรงผมที่ทันสมัย a fashionable clothes เสื้อผ้าที่ทันสมัย หรือจะไว้หลัง verb to be เช่น It is trendy. หรือ It is fashionable. ก็ได้

2. เว่อร์ เช่น ยัยคนนั้นทำอะไรเว่อร์ๆ She is over. ไม่มีความหมายเลยในภาษาอังกฤษ ฝรั่งที่ได้ยินคุณพูดก็เป็นงงแน่ๆครับ พร้อมทำสีหน้างงมันหมายถึงอะไร? ซึ่งดูแล้ว คนไทยน่าจะหมายถึงการพูดเกินจริงหรือทำเกินจริง ซึ่งถ้าพูดเกินจริง ควรจะใช้คำศัพท์ว่า "exaggerate" เป็นคำกิริยา อ่านว่า เอก-แซ้ก-เจ่อ-เรท เช่น "He said you walked 30 miles." เค้าบอกว่าคุณเดินตั้ง 30 ไมล์ "No - he's exaggerating. It was only about 15." ไม่หรอก เค้าพูดเว่อร์ (เกินจริง) มันก็แค่ 15 ไมล์เอง ดังนั้น ถ้าจะบอกว่า เธอพูดเว่อร์น่ะ ก็บอกว่า You're exaggerating.
หรือจะบอกเค้าว่า อย่าพูดเว่อร์ๆ น่ะ อาจใช้ว่า Don't exaggerate. ส่วนอาการเว่อร์อีกแบบคือการทำเกินจริง เราจะใช้คำกิริยาที่ว่า "overact" เช่น You're overacting. เธอทำเว่อร์เกิน (แสดงอารมณ์เกินจริง)

3. ดูหนัง soundtrack เวลาคุณจะบอกใครว่า ฉันต้องการดูหนังฝรั่งที่พากย์ ภาษาอังกฤษ อย่าพูดว่า "I want to watch a soundtrack film." แต่ควรจะใช้ว่า "I want to watch an English film." เพราะความหมายของคำว่า "soundtrack" คือ ดนตรีที่อยู่ในภาพยนตร์ ต่างหากล่ะครับ ถ้าเราจะพูดถึงหนังฝรั่งที่ พากย์เสียงภาษาไทย เราต้องบอกว่า "I want to watch an English film that is dubbed into Thai." เพราะคำกิริยาว่า "dub" คือพากย์เสียงจากต้นแบบในหนังหรือรายการโทรทัศน์ไปเป็นภาษาอื่น ส่วนหนังที่มีคำบรรยายใต้ ภาพเราเรียกว่า "a subtitled film" ซึ่งคำบรรยายที่อยู่ใต้ภาพ เราเรียกว่า "subtitles" (ต้องมี s ต่อท้ายเสมอนะครับ) เช่น a French film with English subtitles หนังฝรั่งเศสที่มีคำบรรยายใต้ ภาพเป็นภาษาอังกฤษ หนังบางเรื่องจะมีคำบรรยายใต้ภาพเป็นภาษาเดียวกับที่นักแสดงพูด เรามีศัพท์เรียกเฉพาะว่า "closed-captioned films/videos/television programs" หรือ อาจเขียนย่อๆ ว่า "CC" เช่น
You should watch a closed-captioned film to improve your English. คุณควรจะดูหนังฝรั่งที่มี คำบรรยายภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณ
ผมขอแนะนำมากกับการหัดภาษาอังกฤษ ด้วยการดูหนัง พร้อมดูซับภาษาอังกฤษเลยนะครับ

4. นักศึกษาปี 1 คนไทยมักเรียกว่า "freshy" ซึ่งฝรั่งไม่รู้เรื่องหรอกครับ เพราะไม่มีการบัญญัติศัพท์คำนี้ ในภาษาอังกฤษ เค้าจะใช้คำว่า "fresher" หรือ "freshman" เช่น He is a fresher. หรือ He is a freshman. หรือ He is a first-year student. เขาเป็นนักศึกษาปี 1
ส่วนปีอื่นๆ คนไทยเรียกถูกแล้วครับ คือ ปี 2 เราเรียก a sophomore, ปี 3 เรียกว่า a junior และ ปี 4 เรียกว่า a senior

5. อัดหรือบันทึก คนไทยมักพูดทับศัพท์ว่า เร็คคอร์ด (record) คำๆ นี้สามารถเป็นได้ทั้งคำนามและคำกิริยา เพียงแค่เปลี่ยนตำแหน่ง stress กล่าวคือ ถ้าจะใช้เป็นคำนามที่แปลว่า แผ่นเสียงหรือสถิติ ให้ขึ้นเสียงสูงที่พยางค์แรก คือ "เร็ค-คอร์ด"
เช่น He wants to buy a record. เขาต้องการซื้อแผ่นเสียง
I broke my own record. ฉันทำลายสถิติของฉันเอง
แต่ถ้าคุณจะหมายถึงคำกิริยาที่ แปลว่า อัดหรือบันทึก ต้อง stress พยางค์หลัง ซึ่งจะอ่านว่า "รี-คอร์ด"
เช่น I'll record the film and we can all watch it later. ฉันจะอัดหนัง เราจะได้เก็บไว้ดูทีหลังได้
ส่วนเครื่องบันทึก เราเรียกว่า "recorder" อ่านว่า รี-คอร์-เดอร์

6. ต่างคนต่างจ่าย เรามักใช้ American share
รับรองว่าฝรั่ง(ต่อให้เป็นชาวอเมริกันด้วยครับ) ได้ยินแล้ว งงแน่นอน
ถ้าคุณจะหมายถึงต่างคนต่างจ่ายให้ใช้ว่า
"Let's go Dutch." หรือ "Go Dutch (with somebody)." อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็ นธรรมเนียมของชาวดัตช์หรือเปล่า?
ที่ต่างคนต่างจ่ายเลยมีสำนวนอย่างนี้ หรือคุณอาจจะบอกตรงๆ เลยว่า "You pay for yourself." คือเป็นอันรู้กันว่าต่างคนต่างจ่าย แต่ถ้าคุณต้องการเป็นเจ้ามือ( ไม่ใช่เล่นไพ่นะครับ)เลี้ยงมื้อนี้เอง
คุณควรพูดว่า "It's my treat this time." หรือ "My treat." หรือ "It's on me." หรือ "All is on me." หรือ "I'll pay for you this time." ทั้งหมดแปลว่า มื้อนี้ฉันจ่ายเอง ส่วนถ้าจะบอกเพื่อนว่า คราวหน้าแกค่อยเลี้ยงฉันคืน ให้บอกว่า "It's your treat next time."

7. ขอฉันแจม (jam) ด้วยคน ในกรณีนี้คำว่า "แจม" น่าจะหมายถึง "ร่วมด้วย" เช่น We are going to eat outside. Do you want to jam? เรากำลังจะออกไปกินข้าวข้างนอก เธอจะไปด้วยมั้ย? (เอ่อ ผิดนะครับตัวอย่างนี้) ในภาษาอังกฤษไม่ใช้คำว่า jam ในกรณีแบบนี้ ซึ่งควรจะใช้ว่า "Do you want to join us?", "Do you want to come with us?" หรือ "Do you want to come along?" จะดีกว่าครับ

8. เขามีแบ็ค (back) ดี "He has a good back." ฝรั่งคงงงว่ามันเกี่ยวอะไรกับข้างหลังของเค้า เพราะ back แปลว่า หลัง (อวัยวะ) แต่คุณกำลังจะพูดถึงมีคนคอยสนับสนุน ซึ่งต้องใช้ "a backup" ซึ่งหมายถึง คนหรือสิ่งของที่ช่วยสนับสนุน ช่วยเหลือ เกื้อกูล เป็นกำลัง

9.ฉันเรียนภาษากับชาวต่างชาติ I learn the language with a foreigner. คำว่า “foreigner” หมายถึง ชาวต่างชาติโดยทั่วๆ ไป แต่จริงๆ คุณต้องการจะสื่อว่าเรียนภาษากับเจ้าของภาษา ซึ่งควรจะใช้คำว่า “a native speaker” จะเหมาะกว่านะครับ เช่น “I learn the language with a native speaker.” ฉันเรียนภาษากับเจ้าของภาษา
ส่วนคนที่พูดได้ 2 ภาษาดีเท่าๆ กันเราจะใช้คำคุณศัพท์ว่า “bilingual” เช่น เด็กลูกครึ่งที่พูดได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษไงครับ “Their kids are bilingual.” ลูกของเขาพูดได้ 2 ภาษาดีพอๆ กัน

10. ฉันไปตัดผมมาเมื่อวานนี้ I cut my hair yesterday. ถ้าคุณพูดอย่างนี้หมายถึงคุณตัดผมด้วยตัวเองนะครับ
ซึ่งแน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้ตัดผมด้วยตัวเอง แต่ให้ช่างตัดผมตัดให้ คุณควรจะบอกว่า
“I had got my hair cut yesterday.” ซึ่งรูปประโยคคือ “To have/get + กรรม (สิ่งที่ถูกกระทำ) + กิริยาช่องสาม” ดังนั้นถ้าคุณจะบอกว่า ฉันจะเอารถไปซ่อมวันพรุ่งนี้ ก็ต้องบอกว่า “I will have/get the car repaired tomorrow.”
เร็วๆนี้ ผมจะเขียนเรื่องของ Tense นี้เพิ่มเติมนะครับ ความจริงtense นี้ไม่ยากหรอกครับ แต่สิ่งที่ท้าทายผมคือ จะทำยังไงให้คนอื่นเข้าใจง่ายกว่านี้
Gosh คือ พระเจ้า... Heck คือ นรก...
ต่อยอดจากเอนทรี่เรื่อง F**K YOU ที่บอกว่า มีการลดความหยาบลงมา (นิดนึง) ด้วยการแทนคำ Fuck ด้วย Frig ขอเพิ่ม เขามีคำว่า eff อีกคำด้วย
ก็เลยนึกถึงเรื่องนี้ไปด้วย
วันนี้ก็เพิ่งได้ยิน น้องคนหนึ่งเพิ่งอุทานให้ได้ยิน
โอ้ ก้อด !!
ผมนึกขำในใจ แหมจะอุทานที ยังเป็นภาษาอังกฤษเชียว และถ้าขั้นสูงขึ้นอีกนิดของพวกที่เคยใช้ภาษาอังกฤษบ่อยก็ออกเสียง
Oh Gosh !
ก้อชชช ....(จบด้วยเสียง ช.ช้างงง)
น้องเก่ง(ใครวะ) มาถามผมว่า "พี่ก๋องๆ ทำไมเขาต้องใช้คำว่า Gosh ด้วย เขาพูดชัดๆไม่ได้เหรอ"
ก๋อง: "อ๋อ คืองี้คับ น้องเก่ง คนที่เขาเคร่งศาสนาคริสต์ เขาไม่ชอบพูดถึงพระเจ้าเวลาอุทาน ก็เลยปรับเปลี่ยนนิดหน่อย จาก God ก็ กลายเป็น Gosh ไป"
น้องเก่ง: "Ooh Gosh!"
ก๋อง: "..."
นอกจากนี้ยังมี
My goodness! ที่เปลี่ยนมาจาก My Goddess อีก (คงมาจากพระเจ้ากรีก เพราะมีหลายพระเจ้าทั้งชายและหญิง)

อีกคำที่เกี่ยวกับศาสนา ก็คือ
Jeez หรือ Gee หรือจะ Geewiz พวกนี้เอาไว้แทนการอุทานว่า Jesus พระเยซูนั้นเอง
ปกติ ผมมักเจอคนอุทานว่า
"Jesus"
ในกรณี แบบว่าตกใจมากๆจริงๆ ถ้าเป็นภาษาไทย ผมคงแทนด้วยคำว่า
"คุณพระช่วย" หรือ "ว้าย... แม่ร่วง"
ส่วน God มักเป็นได้ทั้งตกใจ หรือ ตะลึงงัน
แต่อีกคำที่ผมก็ไม่เข้าใจหรอกนะว่า มันหยาบตรงไหน ถึงต้องเปลี่ยนมัน นั่นคือคำว่า Hell นรก ก็กลายเป็นคำว่า Heckและมักจะอยู่ในรูปคำว่า The heck เช่น
What the hell?? ------------------> What the heck? Who the hell are you? ------------------> Who the heck are you?
ความหมายก็เหมือนกันเลยกับ What the fuck! นั่นแหละ แต่ความรู้สึกผม เหมือน The heck มันฟังดูหยาบกว่า hell ไงไม่รู้ เพราะมันจบด้วยเสีง ck เหมือน fuck ละมัง
คำว่า Hell เอาไปใช้ในการปฏิเสธอย่างหนักแน่นได้ คำหนึ่ง เคยได้ยินฝรั่งพูดไหมครับว่า
Hell No!!! แปลว่า ไม่มีทางหรอก หรือบางทีก็ตกใจประชดๆ
เช่น Have you heard that Tucksin will return to Thailand again? ได้ยินหรือเปล่าหน้าเหลี่ยมจะกลับไทย?
Hell no!! พ่อมึงสิ
แต่ไม่มีคำว่า Heck no! นะครับ
เคยพูดถึงคำหนึ่ง ในเอนทรี่ เก่า (แต่จำไม่ได้เอนทรี่ไหน) คือคำว่า
Holy Shit !!

อย่าถามนะแปลว่าอะไร เพราะความหมายมันไม่ตรงตัวหรอก ถ้าไปแปลตรงตัว มันจะกลายเป็น
ขี้ศักดิ์สิทธิ์
ฝรั่งจะแทน ประโยคนี้ด้วยคำว่า Holy Cow! แทน (วัวศักดิ์สิทธิ์ 555) ถามว่าทำไมหรือ ไอ้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
แต่เราจะ เอา Cow แทน คำว่า Shit โดดๆไม่ได้นะ
สมัยผมยังเป็นเด็กน้อยๆที่อเมริกา ผมเคยโดนอาจารย์ว่าครับ
แบบว่ากำลังจะอุทานว่า "โฮ้ หลี่......(สายตาอาจารย์หันมามอง ค้อนๆ...ผมจึงออกเสียงต่อว่า) คาวววว..."
เสริมครับ ตอนอัพเรื่องนี้ไปผมลืมอีกคำไปได้ นั่นคือคำว่า
DAMN!
อ่านว่า แดม
เขาถือว่าไม่สุภาพ ก็เลยเปลี่ยนเป็น Darn หรือ ไม่ก็ Dang แทน
น้องเก่ง(มาอีกแระ) : "แล้วDamn มันแปลว่าอะไรพี่ก๋อง" ก๋อง: "เอ่อ พี่ก็ไม่รู้จ้ะน้อง ไม่รู้ความหมายของมันจริง" น้องเก่ง: "ไม่รู้ แล้วทำมาสอนคนอื่น" ก๋อง: "............ (ไอ้เด็กแช่แฟูบเอ้ย)"
เช่น I don't give a god darn shit!! ฉันไม่ให้พระเจ้าขี้ เอ้ยไม่ใช่ มันแปลว่า ฉันไม่แคร์หรอก (สรุปว่าตูพูด shit ไป มันสุภาพขึ้นกี่เปอเซนท์เนี่ย)
มีคำไหนที่ยังหลงเหลือ และผมยังคิดไม่ออก ช่วยบอกในคอมเมนท์ทีนะครับ ลืมบอกไป คำเหล่านี้ ที่มีการแทนคำเพื่อลดความหยาบคาย เขาเรียกว่า
Minced Oath ครับ
Fuck You
" FUCK "
คำที่ใครก็ได้ยิน
"FUCK"
ใครด่า ใครสบถ ก็
"FUCK"
จะร้องอุทาน ตกใจ ก็ได้ยินว่า
"FUCK"
ตอนดูหนังกี่เรื่องต่อกี่เรื่อง ก็มักจะได้ยิน
"FUCK"
ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ก็มักจะได้ยินคำว่า
"FUCK"
อยู่บ่อยๆ หนียังไงมันก็ไม่พ้นหรอก
จะว่าไปในห้องอาบน้ำผม ผมจะชอบใช้สบู่ยี่ห้อ FCUK ครับ เพราะว่าหลังอาบน้ำเสร็จ มันจะทำให้ผมดูแมนขึ้น เหมือนใส่น้ำหอมผู้ชาย อ้าวเอ้ะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเอนทรี่ที่จะเขียนวันนี้ละเนี่ย เหอๆไม่เกี่ยวเลยครับ แค่เห็นชื่อยี่ห้อนี้แล้วมักจะนึกถึงคำว่า Fuck เพราะมันดูคล้ายๆกันเลย แต่ความจริงไอ้ยี่ห้อง FCUK มันย่อมาจาก French connection UK ซะมากกว่าที่เริ่มเป็นบริษัทเสื้อผ้าของอังกฤษ ซึ่งตอนแรกยี่ห้อเขาก็ชื่อแค่ French Connection เฉยๆเท่านั้น แต่ภายหลังเขาไปเห็น ชื่อสาขาของเขาในฮ่องกงว่า FCHK ก็เลยเกิดไอเดียเปลี่ยนชื่อยี่ห้อตัวเองใหม่เป็น FCUK ไปซะงั้น จนเคยเกิดมีเรื่องถูกห้ามวางขายมาด้วยละ อย่าฝอยมากความเลย ตรงเข้าเนื้อหาเอนทรี่เรื่องนี้ดีกว่า
ก่อนอื่นต้องเครดิทให้น้องคิกก่อน ที่เคยเขียนเรื่องนี้ไปก่อนหน้าแล้ว ครั้งนี้มาเขียนเองบ้าง
คงไม่ต้องอธิบายมากว่าจากหัวเอนทรี่นี้จะเขียนคำว่า "FUCK" เพราะรู้สึกว่ามันเป็นคำที่ ไม่ว่ามาจากภาษาอะไร ถึงจะพูดอังกฤษกันไม่ได้ แต่คุณรู้วิธี ออกเสียงคำนี้ชัดๆ กันแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ว่าสำเนียงไหน
หรือบางทีฝรั่งก็เรียกว่า "The F Word" เป็นอันรู้ว่ามันหมายถึง Fuck

Fuck you ไม่ได้แปลว่า I love you และไม่ได้ทำให้ดูเท่ขึ้นหรอกเวลาเราพูด
ถ้าให้พูดเปรียบเทียบง่ายๆ คำๆนี้เป็นคำที่ใช้ง่าย ไม่ว่าอยู่ตรงไหนของประโยค เพราะมันไม่เคยถูกกำหนดไว้ในไวยากรณ์ และไม่เคยเป็นภาษาเขียน แต่เป็นภาษาพูด และมันก็คงไม่ต่างกับการใช้คำว่า แม.....ร่งงง เหี้...ยเอ้ยย และอื่นๆๆๆ
-----------------------------------------------------------------------------------------
หลายคนเข้าใจผิดว่า Fuck แปลว่าการร่วมเพศไปซะทั้งหมด ซึ่งมันไม่จริงเลย แต่มันก็คือคำสบถที่คุ้นหูที่สุดและติดปากมากที่สุดในโลกมากกว่า
พูดง่ายๆตรงๆ อยากแปลความหมาย เวลาเห็นประโยคที่มีการพูดแบบนี้ ให้เอาคำว่า เหี้ย แทนลงไป จะตรงมากที่สุดเลย ฮ่าๆ อาจจะไม่ทั้งหมด แต่ก็รวมๆได้โอเค
จะด่า จะสบถอะไร ก็แทนไปได้เลยว่า
"FUCK"
ถ้างั้นก็ทำความเข้าใจมันเถอะ ว่ามันอยู่รอบตัวและทุกครั้งที่เขาพูดมันใช้ได้แบบไหนบ้าง
คำว่า FUCK คำเดียว มันเป็นได้ทั้ง คำกิริยา และ คุณศัพท์ได้ทั้งนั้น
ส่วนมากถ้าคำว่า Fuck โดดๆ คำเดียว มันก็เป็นคำอุทาน สบถทั่วๆไป วิธีใช้ก็คือ พูดมาโพล่งๆเลย มันเหมือนที่เราพูดว่า "แม...ร่ง" เลย เช่น
Fuck! I'm late แม..ร่งเอ้ย สายแล้วว้อย
Fuck! She already has a boyfriend. (อันนี้ส่วนตัวนิดนึง แหะๆ)
Fuck ยังแปลได้อีกความหมายว่า ช่างมัน ก็ได้ เช่น Fuck it! ไม่ต้องสนใจมัน (แช่งม้าง)
Fuck (someone) หมายถึง ไม่ต้องไปสนใจคนนั้น เช่น Fuck him. ช่างเขาเหอะ อย่าไปสนใจ
และประโยคติดปากอีกคำคือ
I don't give a fuck หรือ I don't give a shit
แปลว่า ฉันไม่แคร์
แต่ว่า Fuck You ไม่ได้แปลว่า ผมไม่สนใจคุณ นะครับ เหอๆ
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคำ
Fuck off - ไปให้พ้น ดูเนื้อหาเพิ่มเติมของสำนวนไล่คนที่ รวมสำนวนเก๋ๆ "เงียบเหอะน่า", "ไปให้พ้นเลยไป" Get the fuck off, I don't want to see you anymore ไปให้ไกลส้นตีนกรูเลยไป ไม่อยากเห็นหน้ามึงแล้ว
Fuck around - สำส่อน นอนกับคนไม่เลือกหน้า He likes to fuck around
Fuck with - ตอแย จุ้นจ้าน Don't fuck with me, asshole อย่าเกรียนกะกรูนะไอ้***
Fuck up - ทำพัง ย่ำแย่ Don't fuck it up อย่าทำพังนะเว้ย
และ Fucked (เติม ed อยู่ในรูป adj) หมายถึงพัง, ใช้งานไม่ได้ เช่น Shit! My car is fucked! รถกรูเป็นเหี้ยอะไรวะ
แต่ถ้าบอกว่าใคร fucked up นั้น หมายถึงเขากำลังย่ำแย่ หรือ ตกที่นั้งลำบาก
We are fucked. พวกเรา ซวยแล้ว (ดูท่าจะเจอเจ้าหนี้ เจอตัว)
นอกจากรูป Fucked ก็ยังมี Fucking อีกคำ คำว่า Fucking มักเอาไปวางหน้าคำในประโยค เพื่อเป็นการขยายความอารมรณ์ เหมือนคำว่า "แมร่งโคตร....." เช่น Your car is fucking dirty รถท่านแมร่งโคตรสกปรกเลย หรือไม่จำเป็นต้องเป็นแง่ลบก็ได้

Your car is fucking clean รถมึงโคตรสะอาดเลย
นอกจากนี้ ยังมีการใช้ the fuck ตามหลังกลุ่มคำถาม WH ทั้งหลาย ที่ติดปากกันด้วย เช่น What the fuck! แมร่ง อะไรว๊า!? คำนี้มีคำย่อเป็นภาษาแชทใน internet ว่า WTF ด้วย ดูเนื้อหาเพิ่มเติมเรื่องคำย่อในการแชทที่ "สนทนาภาษาแชต สงสัยไหมอะไรคือ lol, brb ttyl?"
What the fuck happened to you? เกิดเหี้ยอะไรขึ้นกับมึงเหรอ
Where the fuck is my cell phone? มือถือตูอยู่ที่ไหนวะ
Who the fuck are you? มึงเป็นใคร สาดดดด?
How the fuck did you get in here? มึงเข้ามาได้ยังไงวะ?
ขอเสริมอีกเรื่องครับ เนื่องจากแน่นอนว่า Fucking เป็นคำไม่สุภาพ จึงมีการพูดเพื่อลดความไม่สุภาพลงเล็กน้อย (เล็กน้อยจริงๆ ที่ลดลงมานะ) นั่นคือคำว่า friggin ก็ออกเสียงคล้ายๆกัน แต่จะเสียง r ลงด้วย เช่น That frigging man is my ex-boyfriend ไอ้หมอนั่นเคยเป็นกิ๊กเก่าฉัน
เอาเป็นว่าขอจบเอนทรี่นี้แล้ว ลอยกระทงนี้ไม่มีคู่ลอย T_T ขอสบถหน่อย
Give me that fucking red dragon balls and See you next fucking entry, ok?
Fuck you all!

Strike when the iron is hot!!
วันนี้เสนอสำนวนหน่อยละกัน
Strike when the iron is hot.
บางที่ก็ว่า Strike while the iron is hot จะแปลเป็นไทยตรงๆ ไม่รู้จะหาคำไหนให้สวยงามดี
แค่คำว่า Strike คำเดียว จะแปลว่า.........ตี ต่อย ชก ทุม โขก เขก ทิ่ม แทง เสียบ ฟัน เจาะ ไช แทงทะลุ ปัก ชน ไส ดัน ทำลาย โจมตี จู่โจม ต่อสู้ ทำร้าย เข้าตี ทำให้เจ็บ ให้ปุวย ค้นพบ บรรลุ สำเร็จ ประทับใจ กระทบใจ ซึมซาบ หยั่งลึก ต่อรอง ประท้วง ลดธง ลดใบเรือ รากงอก ถอนรื้อ ยกเลิด ขีดฆ่า แยกแยะ เคาะ รื้อ สไตรค์โบว์ลิ่ง และอื่นๆอีกเป็นซากอ้อยจริงๆ
เอาเหอะครับ ว่าใครจะเลือกใช้ความหมายไหนเป็นไทย แต่ถ้าให้เดาความหมายของสำนวนนี้
ก็น่าจะ
ตี(เหล็ก)ในขณะที่เหล็ก(หรือเตารีด ไม่รู้เหมือนกัน) ยังร้อนอยู่
ความหมายน่าจะแหละว่า น้าขึ้นให้รีบตัก ในสำนวนไทยของเรานั่นเอง หรือ ทำเมื่อโอกาศดีมาถึง
ตัวอย่างการพูด เช่น “I heard they were selling plane tickets to Paris for only *$300 bucks! We better get down to the travel agent and strike while the iron is hot*.”
ฉันได้ยินว่าเขาขายตั๋วเครื่องบินไป ปารีส แค่ 300 ดอลล์ เท่านั้น เราน่าจะรีบไปบริษัททัวร์แล้วซื้อเลยนะ
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
ขอแถมคำศัพท์จากคำว่า Strike อีกหน่อยดีกว่า
ในเรื่องของการ "ประท้วง" มีคำที่น่ารู้จักไว้ครับ Strikebreaker คือ คนที่รับจ้างทำงานแทนคนงานที่กำลังประท้วงอยู่ (แบบนี้ก็ แปลกเหมือนกันนะ)
นอกจากนี้มีอีกหลายคำเช่น

Strike it rich - แปลว่า กลายเป็นเศรษฐีในชั่วพริบตา
strike back - โต้ตอบ
strike hand - ต่อรอง
strike off - ถอน หรือ ลบทิ้ง
และคำว่า striking เป็น adjective ที่แปลว่า โดดเด่น สะดุดตา
---------------------------------------------------------------------------------
ขอแถมอีกสำนวนละกันครับ บางคนน่าจะเคยได้ยิน
Thanks, but no Thanks ขอบคุณ แต่ไม่ขอบคุณ (เอ้ะ ยังไงกันแน่!?)
ฝรั่งจะพูดแบบนี้บ่อย เมื่อมีใครเสนอจะให้ของ ขนม อาหาร หรือความช่วยเหลือ แต่เราไม่ขอรับ ด้วยสาเหตุอะไรก็ว่าไป แต่เราก็ขอบคุณในน้ำใจของเขา ก็จะพูดว่า "Thanks, but no, thanks"
เช่น เพื่อนยื่น ส้มตำปู ให้เรากิน แต่เราอิ่มแล้วกินไม่ไหว ก็พูดว่า" Thanks but no thanks, i am really full"
วัฒนธรรมบ้านเขา จะชอบพูดคำว่าขอบคุณกันบ่อยเลยละครับ
- นึกถึงเรื่องหนึ่ง ที่ร้านของผมเคยมีฝรั่งคนหนึ่งเขามาพิมพ์งาน ในร้านของผม ผมยื่นงานให้เขา เขาจะขอบคุณผมด้วยคำว่า Cheers แทนด้วย และก็พูดทุกรอบที่ผมยื่นให้อีก
แบบนี้ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับผมเหมือนกัน ผมคิดว่า ไม่น่าจะใช่คำพูดแบบอเมริกันนะ เดาๆว่าน่าจะเป็นออสเตรเลีย หรือเปล่าก็ไม่รู้ หากใครรู้บอกผมด้วยก็แล้วกัน

อังกฤษ ในส้วม

สำคัญมาก เวลาผมไปเที่ยวต่างประเทศที่ไหน และหากประเทศนั่นไม่พูดอังกฤษกัน ก็จำเป็นที่ต้องรู้จักคำว่าห้องน้ำ ไว้เผื่อฉุกเฉินเสมอ (คงไม่ถึงขนาดต้องไปรู้คำว่าขี้หรอก) อย่างน้อย เมื่อยามข้าศึกบุกยามวิกาล ก็ไม่จำเป็นต้องไปวางฟอร์ม ต้องยอมถามเขาว่า "Excuse me. Could you tell me where is the f.... (เอ้ย ไม่ใช่ๆ เผลอติดลมจากเอนทรี่ล่าสุด) Where is the toilet?"
คำว่า Toilet นี้ความหมายเจาะจง คือ ส้วม (มากกว่าห้องน้ำ แต่ก็สื่อถึงห้องน้ำ)
นอกจากนี้ ยังมี
Restroom Rest แปลว่าพักผ่อน ฉะนั้น มันเป็นห้องสำหรับพักผ่อนหรือนี่
คำว่า W.C. นั้นก็ย่อมาจาก Water Closet รู้สึกว่าคำนี้ที่มาจาก ยุโรป
ส่วนคนอเมริกัน จะติดปากคำว่า Bathroom
คงจะมีคนเถียงว่า Bathroom มันเป็นห้องอาบน้ำ ไม่ใช่เหรอ ใช่ครับ ประเทศอเมริกามันชอบแปลกแยกครับ ก็กรูจะใช้ bathroom แทนห้องส้วม ไม่ว่าจะส้วมในบ้าน ส้วมสาธารณะ หรือ ส้วมเอกชน นี่หว่า
ยังสิมันยังไม่จบแค่นี้ บลอกนี้ชอบเขียนอะไรยาวๆทุกที (พยายามจะเขียนสั้นๆก็ทำไม่ค่อยได้) มีแสลงอีกมากมายจะมาสาธยาย
Shitter คงจะรู้กัน Shit!! คือ ขี้ ย้ำอีกรอบ SHIT!! คือ ขี้ เป็นได้ทั้งกริยา และ คำนาม และเป็นคำสบถติดปากพอๆกับ "Fu*k" และ Shitter นั่น หมายถึงส้วม ไม่รู้ใครคิดค้นคำนี้ขึ้น แต่มีการใช้กันในหมู่เด็กซน
Crapper รู้จักอีกคำไปเลย ของคำว่า SHIT!! นั่นคือ Crap!! ใช้ได้ทั้ง "ขี้" และคำสบถในเวลาเดียวกัน ฉะนั้น Crapper ก็คือ Shitter กรุณาแยกแยะ การออกเสียงและการสะกดคำว่า Crap และ Crab ให้ดีด้วย
เพราะถ้าจะสั่งปูกิน อาจจะกลายเป็น สั่งขี้กิน!!! O_o (crap ออกเสียงสั้นๆ ส่วนปู crab ออกเสียงยาวๆ)
Potty คือโถเด็กขี้
Throne - อีกคำของส้วม (ใครเป็นแฟนเกม Warcraft หรือ โดต้า น่าจะเคยเห็นชื่อภาคเสริมว่า Frozen Throne สงสัยมัน อาจจะเป็น ส้วมน้ำแข็ง ก็ได้มัง ล้อเล่นครับ ความจริง มันแปลว่า บัลลังค์ แต่ว่า ภาษาอังกฤษ มันก็ทำเป็นแสลงไปได้)
ภาษาอังกฤษจากหนัง: "Mr. Woodcock"
ใครที่เพิ่งเข้าอ่านเอนทรี่นี้ คงไม่ทราบว่าตอนแรก ผมอัพไปรอบนึงแล้ว แต่เนื้อหาหายไปหมดเลย เลยต้องทำกันใหม่ แต่ด้วยความขยัน ก็จะทำครับ มาเริ่มฉากแรกเลย ผู้บรรยาพูดว่า All through junior-high, John Farley struggled to keep up ตลอดชีวิตนักเรียนมัธยม จอน ฟาร์ลี่ ดิ้นรนต่อสู้อย่างอยากลำบาก
Mr. Woodcock: Are you gonna be a loser? เธอจะเป็นไอ้ขี้แพ้หรือเปล่า
John: No, sir ไม่ครับ
Mr. Woodcock: You're terrible, Farley. I already know the answer. You are disgraced, too fat, gelatinous, out of shape the little kid the world over. (ด่าเป็นชุดยิ่งกว่ากระเทยอีก) เธอมันแย่มาก ฟาร์ลี่ ฉันรู้คำตอบอยู่แล้ว เธอมันตัวน่าอับอาย เสื่อมเสีย อ้วนเป็นวุ้น ไร้หุ่น ตัวกระจ้อยที่สุดในโลกนี้แล้ว
John: I can't hang on ผมเกาะไม่ไหวแล้ว
Mr. Woodcock: Don't you even think about letting it go. อย่าได้คิด แม้แต่จะปล่อยมือ นะ
เมาท์ศัพท์กัน

Loser - ไอ้ขี้แพ้ คนแพ้ disgrace - ทำให้เสื่อมเสีย น่าอับอาย gelatinous - แปลว่ามีลักษณะ เป็นวุ้น มาจาก gelatin เจลาตินนั้นไง out of shape - หุ่นไม่ดี hang on - เป็นกริยาว่า เกาะ หรือ ห้อย
สำนวน Don't you even think about + verb1 เติม ing อันนี้ฝรั่งพูดบ่อยเป็นการขู่ว่า "อย่าแม้แต่จะ...." เช่น Don't you even think about dumping me อย่าได้คิดจะทิ้งฉันไปนะ (เดี๋ยวได้เจอดีแน่) ฉากตอนพระเอกโตขึ้นแล้ว เป็นนักเขียนดังเลย
ผู้บรรยายพูดต่อ "...Which motivated him to become the self-help author that he is today." ซึ่งผลักดันให้เขา กลายเป็นนักเขียนหนังสือช่วยเหลือตัวเอง เช่นวันนี้
แฟนหนังสือ: I read all your books ฉันอ่านหนังสือของคุณทุกเล่มเลยคะ
John: All I've given you is a raft. You've influenced youself สิ่งที่ผมมอบให้คุณทั้งหมด ก้เป็นเพียงแค่ แพ (แพลอยน้ำ) เท่านั้นครับ ที่เหลือคุณเป็นคนกำหนด จูงใจคุณเอง
แฟนหนังสือ: You are so amazing! คุณช่างน่าทึ่งจริงๆเลย
เลขาผู้หญิง: Ok, crazy. move it along. โอเค ยัยเพี้ยน ถอยไปได้แล้ว
คำศัพท์และสำนวน
motivate - กระตุ้น หรือ ผลักดัน self-help author - นักเขียนหนังสือ แนวช่วยเหลือตัวเอง raft - แพลอยน้ำ influence - มีอิทธิพลต่อ ชักจูง กำหนด crazy - บ้า เพี้ยน
สำนวน Move it along เป็นอีกสำนวนหนึ่งในการ ไล่คนครับ ฉากกลับบ้านมาหาแม่แล้ว

John: Hey mom! ว่าไงครับแม่
Mom: You're here!! เธอมาแล้ว!!
John: Are you seeing someone? แม่กำลังคบใครอยู่เหรอ
Mom: Yeah. You know him already. ช่ายจ้า เธอรู้จักเขาอยู่แล้วนี่
John: Mister Woood Cooock ... (ชื่อวู้ดค้อกนะ ไม่ต้องไปแปลตรงๆหละ ถ้าเป็นซับนรกคงจะแปลเป็น "นายจู๋ไม้" คงได้ฮากลิ้งตลอดเรื่องแน่)
Mr. Woodcock: Well, looks like I'm gonna be your new dad. อืม ดูเหมือนว่าฉันจะได้เป็นพ่อคนใหม่ของนายนะ
ในนี้มีสำนวนน่าสนใจครับคือ (Someone) seeing (someone) เนี่ยไม่ได้แปลว่า ใคร กำลังเห็น ใคร นะครับ แต่ต้องแปลว่า กำลังคบ แบบดูๆกันอยู่ เช่น I'm seeing Jessica Alba ผมกำลังคบกับเจสซิกา อัลบาอยู่ (ในฝันอะดิ) ฉากพ่อกับลูก (จอมปลอม) คุยกันบนโต๊ะอาหาร
Mr. Woodcock: So, what's your book about? แล้ว หนังสือนายเขียนเกี่ยวกับอะไร
John: It teaches people to hide and relieve their painful memory. So that they can rebuild thier own self esteem. มันสอนให้ผู้คนซ่อนและปลดปล่อย ความทรงจำที่เจ็บปวดในอดีตนะ เพื่อพวกเขาจะได้ สร้างความมั่นใจ และความเคารพตัวเองได้ใหม่
Mr. Woodcock: A lot of Losers out there, I guess คงมีแต่พวกขี้แพ้ที่อ่านหละสิ ฉันว่า (กัดกันซึ่งๆหน้าเลย)
คำศัพท์น่าสนใจครับ แต่ดูสำนวนนี้ก่อน What is your book about? หรือ คำถามโครงสร้าง

What is it about? ไม่ได้แปลว่า มันคืออะไร นะครับ แต่แปลว่า มันเป็นยังไง, มันเกี่ยวกับอะไร
relieve - แปลว่าปลดปล่อยภาระ หรือ ผ่อนคลาย ถ้าใช้กับยาก็แปลว่า บรรเทา painful - เป็นคุณศัพท์ แปลว่า ที่น่าเจ็บปวด memory - ความทรงจำ rebuild - เป็นการเติม re ที่หน้า build ซึ้งแปลว่า สร้าง ก็กลายเป็น สร้างใหม่ ครับ esteem - ความเคารพ self esteem ก็คือความเคารพตัวเอง หรือ ความเชื่อมั่น
วันนี้เขียนแค่ครึ่งเดียวของตัวอย่างหนัง ก็ยาวพอแล้ว เดี่ยวเราค่อยมาต่ออีกครึ่งนะครับ วันนี้พอแค่นี้ก่อน หวังว่าเอนทรี่จะไม่หายไปอีกนะ ตอนนี้โครงการเขียนไวยากรณ์ Tenses ของผม เขียนมาได้ 20% แล้วครับ กำลังจะรออัพทีเดียวครบชุดเมื่อสมบูรณ์ เพราะต้องเขียนถึง 12 เอนทรี่เลยครับ
ส่วนเรื่องเพลง ตอนนี้ มีสามนักร้อง/วง ที่กำลังจะมาเมืองไทยในเดือนตุลาคมถึง สามวงได้แก่ Black Eyed Peas, Linkin Park, Beyonce ช่วยๆกันเลือกนะครับว่าอยากให้ผมเขียนเพลงไรดี
ภาษาอังกฤษจากหนัง: "Mr. Woodcock" ตอนที่ 2 ต่อจากฉากทานอาหารบนโต๊ะด้วยกันนะครับ ก็มีเสียงคนแม่พูด (นาทีถอยหลังเหลือ 1:20)
Mom: All I want is you two to get along. ที่แม่ต้องการทั้งหมดก็คือให้พวกเธอสองคน เข้ากันได้นะ
Get along คำนี้น่าสนใจคำหนึ่งครับ แปลว่า เข้ากันได้ คบกันได้ และที่บอกว่าน่าสนใจเพราะคำนี้เป็นคำ อเมริกันครับ แต่ภาษาอังกฤษแบบคนอังกฤษ เขาใช้คำว่า get on แทน เขาจะไม่ใช้ get along เหมือนคนอเมริกัน (แต่น้อง Gabrielle บอกว่าเดี๋ยวนี้ก็เริ่มใช้แล้วนะ) ฉากคนพ่อ เอาไม้เบสบอล (Baseball Bat) ฟาดจอห์นไม่ยั้ง
John: OucH! oUcH! OuCh! (อุทานแบบฝรั่ง)
John: It's me. It's John. What're you doing? นี่ฉันเอง นี่จอห์น คุณกำลังทำอะไรของคุณหนะ?
Mr. Woodcock: It was dark. Instinct took over. มันมืดนะ สัณชาตญาณมันพาไป

John: What about when I said "it's me. It's John"? แล้วทำไม ตอนที่ฉันบอกว่า "นี่ฉันเอง นี่จอห์น" ละ?
Mr. Woodcock: John is a very common name. It could be a burglar named John. จอห์นมันเป็นชื่อโหลจะตาย มันอาจจะเป็นขโมยชื่อจอห์นก็ได้
คำศัพท์ Instinct - ชื่อเหมือนวงดนตรีวงหนึ่ง แปลว่า สันชาตญาณ นะครับ Common - แปลว่าธรรมดา ในนี้ก็หมายถึงชื่อมันโหลจะตาย burglar - ขโมยย่องเบาที่งัดบ้านคนอื่น ฉากต่อจาก Feel The Love
เพื่อน: He's hooking up with you mom? เขากำลังควงแม่นายอยู่เหรอ hook up - เป็นสำนวนครับ แปลว่า เอ่อ ความจริงออกทะลึ่งนะครับ ในความหมายว่ามีอะไรกัน แต่ประโยคข้างบนผมเปลี่ยนเป็นควงแทน ฉาก พระเอกอยู่ใต้เตียง (สงสัยมีคนกระโดดเล่นอยู่ข้างบน)
เพื่อน: That is way better than the things on the Internet แบบนั้น เจ๋งกว่าบนอินเทอร์เนทมากๆเลย
way better - คำนี้เขาใช้ way เข้ามาเน้นว่า มากๆ ดีกว่ามากๆๆ ฉากผู้หญิงบนเครื่องบินโทรศัพท์หาจอห์น
ผู้หญิง: Hey John, I'm on the Plane, heading to Boston, And you'll never guess who is sitting next to me. ว่าไงจอห์น ฉันอยู่บนเครื่องบินแหนะ กำลังไปบอสตัน และคุณคงเดาไม่ถูกแน่ว่าใครนั่งข้างฉัน
John: Who? ใครหละ
ผู้หญิง: Nobody
John: I can't make it. My mom needs me. She's about to marry anti-christ. ผมไปไม่ได้จริงๆ แม่ผมต้องการตัวผม และเธอกำลังจะแต่งงานกับไอ้ปีศาจแล้ว

ผู้หญิงหันไปพูดกับแอร์: Excuse me. Hi. Could I get a real bottle, please. I'm an Alcoholic not a Barbie doll. ขอโทษนะคะ คะ ฉันต้องการขวดเหล้าจริงๆนะ ฉันเป็นขี้เหล้านะ ไม่ใช่ ตุ๊กตาบาร์บี้
lสำนวนน่ารู้ Head to - แปลว่า go to เหมือนกันครับ Anti-Christ - ความจริงแปลว่า คนที่ต่อต้านพระเจ้า พระเอกใช้เปรียบเปรยพ่อเลี้ยงตัวเองครับ ส่วนผมเขียนด้วยภาษาผมเอง กลายเป็นปีศาจ ไป Alcoholic - ติดเหล้า ฉากจะเตรียมแข่งกินข้าวโพด
John: You're going down, Woodcock. คุณได้แพ้แน่ๆ จู๋ไม้ เอ้ย วู้ดค้อก
Mr. Woodcock: You must like getting spanked, Farly. I guess it runs in the family นายคงชอบให้ถูกตีก้นนะ ฟาร์ลี่ ฉันว่ามันคงอยู่ในสายเลือดของนายนะ ฉากเล่นมวยปล้ำ
John: Are you okay?
Mr. Woodcock: แฮกๆๆ
John: RHETORICAL QUESTION, WOODCOCK!
rhetorical question - แปลว่าคำถามเชิงสำนวนโวหาร คือคำถามที่ถามไปงั้นแหละ ไม่ใช่คำถามจริงๆที่ต้องการคำตอบ
จบแล้ว
ฉากสุดท้ายตอนวิ่งอยู่บน Treadmill ท่าทางจะเจ็บนะนั้น

Tounge Twister
วันนี้เลยมาเสนอประโยคสำนวน ขอฝรั่งที่เค้าพูดๆ ลิ้นอาจจะพันกันได้ ภาษาฝรั่งเขาเรียกคำพวกนี้ว่า Tounge Twister ครับ ลองไปหาข้อมูลเวบๆหนึ่งมา เขารวบรวม Tounge Twister จากทุกภาษาทั่วโลก ในเวบนี้เลย http://www.uebersetzung.at/twister/ Peter Piper picked a peck of pickled peppers. A peck of pickled peppers Peter Piper picked. If Peter Piper picked a peck of pickled peppers, Where's the peck of pickled peppers Peter Piper picked? ปีเตอร์ ไพเพอร์ หยิบพริกไทยดอง พริกไทยดองที่ปีเตอร์ ไพเพอร์หยิบ..... (ผมลองพูดแล้วนะ แผละ แผละๆ ผละๆ ผะ มั่วแหลก) I saw Susie sitting in a shoe shine shop. Where she sits she shines, and where she shines she sits. ฉันเห็นซูซี่กำลังนั่งอยู่ในร้านขัดรองเท้า ที่ๆเธอนั่งเธอขัดรองเท้า และที่ๆเธอขัดรองเท้าเธอนั่ง (คำนี้ผมลองพูด ชอบจบคำสุดท้ายว่า Shit!!ที่ๆเธอส่องประกายเธอนั่งขี้!! บ่อยจริงๆ ฮาๆ) She sells sea shells by the seashore เธอขายเปลือกหอยทะเลข้างๆชายฝั่ง (สั้นๆ ไม่ค่อยยากหน่อย ซีเซวๆ เชลซี เชวซีแพ้แมนยู คนละเรื่องแล้ว) A big bug bit a bold bald bear and the bold bald bear bled blood badly แมลงตัวใหญ่กัดหมีหัวล้านและหมีหัวล้านเลือดออกเยอะ (เบาะๆ แบะๆ) Chocolate chip cookies in a copper coffee cup คุกกี้ชอคโกเลตชิพในถ้วยกาแฟทองแดง (..คอปเปอร์ คอปเปอร์ ค้อป)

ภาษาอังกฤษจากหนัง "Up"
ช่วงนี้พวกเราจะเห็นรายชื่ออัพเดท blog ใน favorite ของตัวเองเยอะเป็นหางว่าวเลยนะ
English From Flick วันนี้ ขอเป็นการ์ตูนครับ สั้นแต่สำนวนดี
เรื่อง UP หรือชื่อภาษาไทย "คุณปูุซ่าบ้าพลัง"
เด็กน้อย: Good afternoon, Are you in need of any assistance today, sir?
สวัสดีครับ, วันนี้คุณต้องการผู้ช่วยเหลืออะไรไหมครับ
ปูุ: No.
เด็กน้อย: I could help you cross the street.
ผมช่วยพาข้ามถนนได้นะครับ
ปูุ: No.
เด็กน้อย: I could help you cross your yard.
ผมช่วยคุณตัดหญ้าที่สนามได้นะครับ
ปูุ: No.
เด็กน้อย: I could help you cross your...
ผมช่วย....
ปูุ: (ปิดประตูใส่)
เด็กน้อย: Ow!
ประโยคชุดนี้ ผมติดใจไอ้ตรงที่เจ้าเด็กน้อย Russell มันใช้ verb ว่า cross ไปซะทุกอย่างเลย ผมเองก็เพิ่งจะเคยเห็นการเล่นสำนวนพูดแบบนี้นี่แหละ
-----------------------------------

All his life, Carl Fredricksen dreamed of adventure.
Today, his adventure is finally taking off!.
So long, boy!!!
สำนวนเด็ด ที่ผมชอบตรงนี้ก็คือ เขาใช้คำว่า Taking off กับการผจญภัย ซึ่งเป็นการต้องการเล่นสำนวน เพราะ Take off มันเหมาะจะใช้กับการปล่อยเครื่องบินขึ้น
อีกสำนวนก็คือคำว่า
So long.
เป็นสำนวนเท่ห์ในการกล่าวลาเลยครับ คำนี้น่าจำมากๆ
----------------------
Please let me in
No
Oh allright.
--------------------------
Where are we? เราอยู่ที่ไหนกันเนี่ย
Hey look, a dog. โอ้ ดูนั่นสิ หมานี่
Hi there. หวัดดีครับ
My name is Dug ผมชื่อดักครับ
My master made me this collar so that I may talk, squirrel! เจ้านายผมสร้างปลอกคอนี้ เพื่อผมจะได้พูดได้ครับ. กระรอก!!

Hi there. หวัดดีครับ
รู้จักคำศัพท์ละกัน master ตรงนี้ใช้ไนความหมายที่แปลว่า เจ้าของ(สัตว์เลี้ยง)
collar ก็คือปลอกคอสุนัข
squirrel กระรอกครับ
------------------------------------------------
Whao what's that thing?
It likes me
Phew... Go on. Beat it.
สำนวนเด็ดๆครับที่อยากเสนอ
Beat it!
เป็นการ ไล่ไปให้พ้นครับ
ผมเคยเขียนสำนวนที่เกี่ยบกับการไล่คนแล้ว ในเอนทรี่ที่ชื่อว่า
รวมสำนวนเก๋ๆ "เงียบเหอะน่า", "ไปให้พ้นเลยไป"
ขอเสริมอีกสำนวนกับคำว่า Beat นะครับ
เวลาที่มีคนพูดว่า
"I'm beat"
เป็นแสลง แปลว่า เหนื่อยมากๆครับ
----------------------------
ทิ้งท้ายช่วงสุดท้าย

What are these do, boy? หมา: Hey would you - [พูดสเปน] หมา: - I use that collar - [พูดญี่ปุุน] หมา: - to talk with - I would be happy if you stop.
I would be happy if you......
สำนวนง่ายๆ ที่คุณพูดเชิงประชดประชันนิดหน่อย เวลาบอกใครให้ทำอะไร เราจะรู้สึกดีกว่านี้ ถ้ามันทำ
จบเอนทรี่นี้สั้นๆละกัน เพราะเท่าที่เห็นสำนวนน่าสนใจของผมก็มีเท่านี้แหละ
เรื่องเล่าแดนมะกัน - "ว่าด้วยเรื่อง Eat Out"
วันนี้ขอมาเมาท์ให้หายคันปากบ้าง ได้ถือโอกาสเปิดหมวดหัวเรื่องใหม่อีกแล้ว แต่ว่าทำไมบลอคนี้มีหมวดหัวเรื่องเยอะจริงๆเลยนะเนี่ย แต่ไม่ต้องห่วงจ้า ยังสรรหาสาระมาเล่าสู่กันฟังเหมือนทุกๆครั้งแน่
วันนี้ ขอว่าด้วยเรื่องการทานอาหารข้างนอก ที่อเมริกา หรือ Eat out นั่นเอง
คนอเมริกัน เป็นคนที่ชอบกินข้าวนอกบ้านบ่อยเหมือนกันครับ เนื่องจากความสะดวก
ร้านอาหารในเมือง จะมีความหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น ฟาสท์ฟูด หรืออาหาร บัฟเฟต์ และอาหารประจำชาติต่างๆ ไม่ว่า จีน ญี่ปุุน อิตาเลียน เม็กซิกัน หรือ ไทย เรียกว่ามีให้กินได้ทุกอย่าง ถ้าอยู่ในเมืองใหญ่ๆ (แต่นอกเมืองก็น้อยหน่อย)
แต่ปัญหาของชาวอเมริกัน 1 ใน 4 คือ น้าหนักเกิน (Overweight) ซึ่งเป็นปัญหาระดับชาติของที่นี่ ที่แก้กันไม่ตกเลยทีเดียว
และนิสัยการกินเขาก็ไม่เคร่ง ไม่ว่าคุณจะนอนกิน เดินกิน นั่งกิน กินกลางทราย และอาหารที่พบเจอ ได้ง่ายที่สุดก็เป็นพวก Junk Food อาหารขยะ ที่มีน้ำตาลเยอะ หรือน้ำอัดลม

ขอเสริมอีกเรื่องหละ เวลาเราไปกินอาหารในร้านอาหารเนี่ย ที่อเมริกาเขาเสิร์ฟ Portion ขนาดที่ใหญ่มากๆ เลยหละครับ ประมาณว่าสั่งมาที กินได้ถึง 2-3 คน เลยยังได้ (อยู่กินที่นี่ ผมอ้วนปฺุปปั๊ปกันเลยทีเดียว)
ฉะนั้น ที่นี่เราจะกินไม่หมดก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย เพราะเป็นปกติมากสำหรับคนที่นี่ ที่เขาจะกินเหลือ กลายเป็น Leftover food ฉะนั้น ก็จะมีพระเอกนามว่า Doggy bag แปลว่าไอ้ถุงหรือกล่องห่อข้าวกลับบ้าน นี่แหละ มาช่วยเรา เอากลับไปเก็บกินที่บ้านได้ต่อ ขอบอกว่าการทำแบบนี้ ไม่ใช่แค่เรียกว่าธรรมดาเท่านั้นนะ มันเรียกว่า "น่าจะเป็น" เลยหละ
หมายเหตุ: ที่เขาเรียก Doggy bag มันสืบเนื่องมาจากเอาไปให้ Pet สัตว์เลี้ยงไปทาน แต่เขาก็เอาศัพท์นี้มาใช้ ถึงแม้เราจะเอาไปกินเอง เอ้ะ หรือว่าเราเป็นหมา
ก็ตลกดี ตอนที่แม่ผมแวะมาเที่ยวอเมริกานะ มาเยี่ยมพี่สาวของผม แล้วเราก็ไป ลอส แอนเจอลิส กัน เราก็ไปกินร้านอาหารไทย ในเขต Thai Town ย่านถนน Hollywood นะแหละครับ (นี่เป็นเมืองที่มีคนไทยไม่น้อยกว่าแสนจริง) เราก็สั่งอาหารกันมาคนละจานครับ แม่ผมสั่ง ข้าวขาหมู ผมสั่งเย็นตาโฟ ส่วนพี่สาวผมอยากกิน ก๋วยเตี๋ยวเรือ มาก แบบว่าไม่ได้กินมาเป็นชาติ แถมด้วยลูกชิ้นเนื้ออีกจาน พออาหารมา แม่ผมก็ตะลึงในขนาดเสิร์ฟของมัน และแม่ก็นะ เสียดาย บอกว่า "แม่กินไม่หมด ก๋องช่วยแม่กินหน่อย" (ไอ้เรายังกินชามตัวเองไม่หมดเล้ย..)
พี่สาวผมบอกเลย
"Mom, we eat for pleasure, not to get sick"
เรากินเพื่อสุข ไม่ได้เพื่อปุวยนะแม่
เรื่องที่สำคัญมากๆๆๆๆๆ เรื่องนึงของการกินอาหารข้างนอกคือ การให้ทิป "Tip" ครับ
เพราะอาชีพพนักงานเสิร์ฟ waiter หรือ waitress เป็นอาชีพที่ค่าจ้างจะน้อย แต่รายได้หลักจะมาจากการทิปของลูกค้า (ความจริงก็เยอะใช้ได้)
ซึ่งสำคัญมากๆ ที่เปอร์เซนท์ของการให้ทิป ต้องประมาณ 10-15% ของราคาอาหารมื้อกลางวัน และ 15-20% ของราคาอาหารมื้อเย็น ถ้าเราให้ต่ำกว่า 10% แสดงว่าเป็นการบอกเขาว่า เขาบริการแย่ แต่ถ้าเราสั่งกลับบ้าน Takeout ก็เสียน้อยหน่อย หรือไม่เสีย เว้นแต่ Delivery ควรเสียพนักงานส่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ หมายเหตุ Takeout เป็นคำอเมริกัน Take-away เป็นคำอังกฤษ




Download Click Here!!!


เครดิต เว็ปเพื่อนบ้าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น